Skip to main content

Zhuhai


เยือนถิ่นบรรพชน
กลับสับสนฉงนหา
ดินแดนปู่ทวดตา
กลับพบพาว่าต่างไป



นับเป็นครั้งที่สามที่ฉันได้ไปเยือนแผ่นดินจีน ทุกครั้งที่ไปฉันอดรู้สึกไม่ได้ว่าเป็นต่างบ้านต่างเมือง ฉันไม่รู้ภาษาและพบว่าวัฒนธรรมของที่นี่ก็ดูน่ากลัวไปจากที่ฉันเคยทราบมา จริงๆ แล้วถ้านับตามสายเลือดต้องนับว่าฉันเป็นลูกหลานชาวจีนตามสายเลือดเกือบ 100% อากง กับ เน่ ของฉันนั่งเรือมาจากเมืองจีน ส่วนก๋งก็เป็นคนจีน มีแต่อาม่าเท่านั่นที่มีสายเลือดคนไทยผสมบ้างนิดหน่อย (น้อยมาก) เพราะทางเหล่าม่าเหมือนมีผู้ใหญ่สายใดสายหนึ่งที่มีสายเลือดคนไทยปะปนอยู่ ดังนั้นฉันก็นับเป็นลูกหลานจีนในเมืองไทยแบบสายเลือดค่อนข้างจะเข้มข้นทีเดียว


ลืมเลือนภาษาเดิม
เสริมต่อเพิ่มภาษาใหม่
เปลี่ยนตนเป็นคนไทย
ถึงอย่างไรก็ยังจำ



ฉันจำได้ว่าเด็กๆ ฉันจะคุยกับอากงด้วยภาษาจีน (ซึ่งตอนนี้จำไม่ได้ซะแล้ว ว่าพูดยังไงบ้าง เพราะกงเสียตั้งแต่ฉันยังเล็กๆ - 9 ขวบ) รู้แต่ว่ากงจะสอนเสมอว่าฉันเป็นคนจีนนะ อย่าลืม อากงฉันเป็นคนจีนไหหลำที่มีใบต่างด้าว เป็นคนค้าขายมีห้องแถวเล็กๆ อยู่ตรงตลาดเก่าของลำปาง (ที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นถนนคนเดิน - กาดตองก้า ที่เก๋ไก๋หรูหรากว่าเดิมเชียว) คุณพ่อฉันเดิมก็จะใช้นามสกุลที่นำหน้าว่า "แซ่" แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนเป็นนามสกุลเพราะๆ แบบคนไทยทั่วไป กงจะเป็นคนขยันทำโน่นทำนี่ แต่ก็ไม่วายเย็นๆ หรือวันหยุดจะไปช่วยนั่งเฝ้าศาลเจ้าแม่ทับทิมแถวๆ ตลาด ที่ฉันจะชอบไปขลุกอยู่ที่นั่นเวลาเค้ามีงานเชิดสิงโตหรือเล่นงิ้วกัน จำได้ว่าเด็กๆ ฉันสนุกมากพอดู


พอได้กลับไปเยือน
ภาพเสมือนกลับไม่ขำ
ความเศร้ากลับครอบงำ
ต้องเพ้อพร่ำแปลกแยกไป



เอา... มัวแต่นึกถึงอดีต เลยลืมเล่าเรื่องทริปไปเลย จริงๆ ก็คือ พอไปเมืองจีนจริงๆ หลายๆ ครั้งที่ไป ฉันมักจะตื่นเต้นดีใจ แต่ไปถึงก็ต้องผิดหวังเพราะมันไม่ได้เหมือนที่ฉันคิดซักเท่าไหร่ ผู้คนค่อนข้างจะเคี่ยวๆ เอารัดเอาเปรียบและไม่มีระเบียบวินัยมากนัก ไม่เหมือนสังคมชาวจีนที่ตลาดเก่าลำปางที่ฉันโตมาตอนเด็กๆ ที่ใครๆ ต่างก็มีน้ำใจช่วยเหลือกัน หรือเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองจีนที่ฉันอ่าน/ดู ฉันไม่คุ้นกับภาษา และรู้สึกผิดหวังกับตัวเองว่าทำตัวไม่สมศักดิ์ศรีลูกหลานชาวจีนนักที่อ่านภาษาจีนไม่ออก เขียนภาษาจีนไม่ได้ (นอกจากตัวง่ายๆ) อ่ะ... เผลอเล่าเรื่องเก่าอีกแล้ว กลับมาพูดเรื่องเที่ยวดีกว่า เป็นทริปสั้นๆ เที่ยวที่เมืองจูไห่ ไม่ค่อยมีอะไรมากนักนอกจากขนมของกินที่แสนอร่อยสมเป็นแดนกวางตุ้ง โดยเฉพาะสตอเบอรี่ (แต่ก็คิดในใจว่าที่เกาหลีอร่อยกว่า ^^)


นี่แหล่ะชีวิตคน
มีจากพ้นจนเริ่มใหม่
เรื่องเก่าเงาจารใจ
เพียงเก็บไว้ไม่หวนคืน



Create Date : 16 มีนาคม 2552

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค

หัวหิน

" The best way to predict the future is to invent it. " -- Alan Kay โปรยปรายพรายพร่างฟ้า พริ้มเพราตาเกินหาไหน แพร้วเพริศประเสริฐใจ งามวิไลใฝ่เย็นบุญ วันก่อนไปประชุมประจำปีกับบริษัทที่หัวหิน ระหว่างทางแวะไปทำบุญบริจากข้าวของ ปล่อยปลา ปลูกพืชสมุนไพร ฯลฯ กันที่โรงเรียนเล็กๆ แถบชะอำ ภาพด้านบนเป็นถ้วยไอติมเรียงราย ถ่ายเล่นๆ ระหว่างรอตักแจกเด็กๆ ตกเย็นก็มาถึงโรงแรม Central Sofitel หัวหินจุดหมาย โรงแรมน่ารักสบายๆ เป็นแบบไทยๆ ตั้งอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยว ต่างไปจากการประชุมประจำปีที่แล้วที่ Evason ปราณบุรีที่ออกแนว Art แบบหมู่เกาะห่างไกลจากอะไรต่อมิอะไร ซึ่งมีข้อดีข้อเสียและบรรยากาศแตกต่างกันไป ร่มรื่นชื่นไทยแท้ ด้วยเก่าแก่แลเกื้อหนุน โอบล้อมห้อมการุณ จากวันวุ่นสังคมเมือง ห้องที่ได้พักเป็นห้องคู่แต่อยู่คนเดียว เสียดายที่ไม่ได้พาคุณแม่มาด้วย (เพราะเป็นวันเกิดคุณแม่) ด้วยความที่เข้าใจผิดว่าห้ามพาคุณพ่อ คุณแม่มาแบบปีที่แล้ว (ที่ให้มาคนเดียวหรือพาแฟน/ลูกมาได้ ซึ่งไร้นามยังไม่มีทั้งคู่เลยต้องฉายเดี่ยว) จริงๆ แล้ว อยากให้ที่บ้านได้มาพักผ่อนกันบ้างเหมือนกัน แต่ที่บ้านไร้นามไม่ค่อยชอบไปไห