Skip to main content

San Fran #2


ฟ้าใสสวยงาม
สีครามชวนฝัน
ดุจสรวงกำนัล
ให้วันชื่นบาน



การมา San Fran คราวนี้สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือ การได้ "เดิน" เยอะเป็นพิเศษ เพราะคราวนี้ไม่ได้เช่ารถขับ ทุกๆ ครั้งฉันจะไม่ค่อยชอบมา San Fran นัก เพราะต้องคอยขับรถหาที่จอดรถซึ่งหายากและส่วนใหญ่ก็จะแพงพอดูถ้าจะต้องจอดนานๆ แต่คราวนี้กลับได้พักที่โรงแรมใจกลางสถานที่ท่องเที่ยวทำให้ได้เดินเล่นหรือขึ้นรถรางหลากหลายแบบให้เป็นประสบการณ์ชีวิต



ชีวิตแช่มชื่น
รมย์รื่นสราญ
เพียงปล่อยสิ่งผ่าน
สร้างทานในใจ



การที่เราค่อยๆ เคลื่อนไหว ค่อยๆ ท่องเที่ยว ทำให้ได้เห็นอะไรๆ อย่างกระจ่างสวยงามขึ้นมามากมาย คิดๆ ดูแล้ว เวลาที่เราเร่งรีบทำอะไรตัดสินใจอะไร หลายๆ ครั้งอาจจะต้องทำอะไรอย่างโดยไม่ละเอียดรอบคอบเข้าไป แต่ถ้าได้ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตรองในการทำอะไรดีๆ ชีวิตของคนเราก็คงจะรื่นรมย์ในทุกย่างก้าวของจังหวะชีวิตทีเดียว


ยิ้มแย้มยั่วเย้า
เรื่องเศร้าเลือนไป
สร้างฝันวันใหม่
ด้วยใจตนเอง



ตัวฉันเองจริงๆ แล้วมีความทรงจำกับบริเวณนี้มากมาย นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับการงานแล้ว นึกถึงตอนเด็กๆ ที่เคยอยากมาเรียน Stanford เป็นนักหนา แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจไปเรียน Cambridge แทน ฉันคิดเสมอว่าถ้าตอนนั้นฉันไม่สละสิทธิ์ทุนที่ให้ไปเรียนอเมริกา ฉันคงกลายเป็นคนย่านนี้ไปแล้วกระมัง ตอนจบปริญญาโทฉันเองก็เกือบได้มาทำงานแถวนี้ จำได้ว่าตอนนั้นบริษัทแถวๆ นี้ชวนฉันทำงานด้วย ส่งตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรมสี่ดาวให้ ตอนนั้นแฟนเก่าฉันที่เลิกกันไปแล้วเรียนอยู่ที่ Berkeley พอเค้ารู้ว่าฉันจะบินมาดูบริษัทแถวๆ นี้ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าบริษัทนั้นจองโรงแรมให้แล้ว ก็ชวนให้ไปพักด้วยแล้วจะพาเที่ยวกัน แต่ตอนนั้นสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจไม่มา


เรื่องราวผ่านไป
วันใหม่ครื้นเครง
ภาพฝันบรรเลง
บทเพลงงดงาม



หรือว่าภาพเก่าๆ เวลาที่ฉันมาทำงานที่นี่ ทุกๆ ปีแฟนเก่าของฉัน(อีกคน)จะคอยเป็นห่วงเป็นไยกลัวฉันเหงา จำได้ว่าเค้าจะเป็นคนที่คอยเป็นห่วงจนน่ารักไปอีกแบบ เช่นเวลาฉันบินคนเดียว ตอนไปรอเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ (ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ฉันจะขับมาส่งแล้วก็ไป) เค้าก็อยู่ๆ จะอาสามานั่งกินไอติมเป็นเพื่อนตอนรอเครื่องขึ้น หรือเวลาที่ฉันมาอยู่แถวๆ นี้ เค้าก็จะคอยเป็นห่วงกลัวฉันไม่ไปเที่ยวไหน หรือ กลัวฉันจะเจอแผ่นดินไหวเข้า ฯลฯ


ภาพเก่าเงาลวง
พอล่วงผ่านยาม
ตรึงจิตติดตาม
ให้ห้ามหักใจ



ปีนี้นับเป็นปีแรกที่มาที่นี่ได้โดยไม่ต้องมีห่วงอะไร ปีที่แล้วตอนก่อนมาแถวนี้ แฟนเก่าฉันก็โทรตั้งแต่ก่อนบินจนหลังจากที่ฉันกลับจากอเมริกาฉันเลยบอกกับเค้าไปสั้นๆ อย่างค่อนข้างใจร้ายว่า "ต่อไปไม่ต้องติดต่อมาอีกนะ" จริงๆ แล้วเป็นเพราะฉันรู้ว่าเค้าควรจะไปรับผิดชอบน้องผู้หญิงอีกคนมากกว่า ตอนนั้นฉันก็ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเป็นคนเดินออกมาเอง ถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา เค้าบอกว่าถ้าวันไหนเค้าพร้อมเค้าจะเล่าเรื่องของเค้าให้ฉันฟัง... ครบหนึ่งปีที่ฉันตัดสินใจเดินออกมาจากความสัมพันธ์อันวุ่นวายฉันพบว่าชีวิตของฉัน (รวมถึงพวกเขา) "ดีขึ้น"... แต่ถึงอย่างไร ทุกๆ ครั้งที่เห็นอะไรที่คุ้นเคยฉันก็ยังคงระลึกถึงภาพความทรงจำที่เคยสวยงามในอดีตเสมอ


ชีวิตเช่นนี้
วันที่สดใส
นั้นอยู่ไม่ไกล
มีให้ชื่นชม



สำหรับฉันแล้ว ฉันเชื่อว่าคนเรามีชีวิตกันเพียงสั้นๆ กันเท่านั้นเอง การมีชีวิต ทุกๆ คนควรทำอะไรให้เต็มที่ ถ้าชีวิตต้องเจอเรื่องราวทุกข์ร้อนก็อย่าไปเสียเวลาจมอยู่กับกองทุกข์เลย วันเกิดฉันที่ผ่านมาแฟนเก่าฉันก็โทรมาอวยพร เค้าส่ง sms มาแต่เช้าและโทรมาตอนเย็น ฉันเองก็ใจร้ายตามฟอร์มคือบอกเค้าไปว่าดูลีซานอยู่กำลังชิงบัลลังค์กันสนุกเลยคุยด้วยไม่ได้ เค้าคงเสียใจเลยได้แต่ happy birthday กันสั้นๆ แล้ววางหูกันไป จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าฉันกลัวว่าถ้าคุยกันนานๆ ฉันจะไม่สามารถลืมเค้าได้ต่างหาก... ตอนที่ฉันบินไปอเมริกา ที่ฉันขำนิดๆ คือน้องแฟนใหม่ของแฟนเก่าฉัน ส่งเมล์มาอวยพรสุขสันต์สงกรานต์ย้อนหลัง และบอกว่าคิดถึงฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าน้องเค้าอารมณ์ไหนก็ได้แต่ตอบสั้นๆ ไปว่า Thanks... ฉันจำได้ว่าน้องเค้าเคยเมล์มาขอโทษ บางทีอีกสิบปีผ่านไปพวกเราอาจจะกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้...

ที่ขำที่สุดคือ trip ไปอเมริกาคราวนี้มีวันนึงนัดเพื่อนเก่าเมื่อสิบปีก่อนไปกินข้าวเย็นกัน เพื่อนเค้าขับรถมารับพร้อมแฟนและลูกสาวน่ารักกันเชียว แล้วก็แซวฉันด้วยประโยค classic ที่ได้ยินบ่อยๆ ว่า "เมื่อไหร่จะแต่งงาน?" ฉันก็บอกว่า "ยังไม่มีแฟนเลย" เพื่อนก็แซวว่า "ก็อย่า spec สูงนักสิ" ฉันก็บอกเค้าไปว่า "เปล่านะเราไม่ได้ spec สูง" แล้วก็ถูกมองใส่ด้วยนัยตาไม่เชื่อ แล้วก็พูดว่า "ไม่ได้ spec สูง จริงเหรอ?" แล้วฉันก็นึกถึงเรื่องเก่าได้ว่า เพื่อนคนนี้เคยมีช่วงนึงเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เคยตามจีบฉันนี่นา แล้วฉันตอนนั้นก็หนีน่าดูจนเกือบเลิกคบกันไปซะด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ พอนึกได้พวกเราก็มองหน้ากัน แล้วหัวเราะกันขำๆ กับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา




Create Date : 13 มิถุนายน 2552

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค

หัวหิน

" The best way to predict the future is to invent it. " -- Alan Kay โปรยปรายพรายพร่างฟ้า พริ้มเพราตาเกินหาไหน แพร้วเพริศประเสริฐใจ งามวิไลใฝ่เย็นบุญ วันก่อนไปประชุมประจำปีกับบริษัทที่หัวหิน ระหว่างทางแวะไปทำบุญบริจากข้าวของ ปล่อยปลา ปลูกพืชสมุนไพร ฯลฯ กันที่โรงเรียนเล็กๆ แถบชะอำ ภาพด้านบนเป็นถ้วยไอติมเรียงราย ถ่ายเล่นๆ ระหว่างรอตักแจกเด็กๆ ตกเย็นก็มาถึงโรงแรม Central Sofitel หัวหินจุดหมาย โรงแรมน่ารักสบายๆ เป็นแบบไทยๆ ตั้งอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยว ต่างไปจากการประชุมประจำปีที่แล้วที่ Evason ปราณบุรีที่ออกแนว Art แบบหมู่เกาะห่างไกลจากอะไรต่อมิอะไร ซึ่งมีข้อดีข้อเสียและบรรยากาศแตกต่างกันไป ร่มรื่นชื่นไทยแท้ ด้วยเก่าแก่แลเกื้อหนุน โอบล้อมห้อมการุณ จากวันวุ่นสังคมเมือง ห้องที่ได้พักเป็นห้องคู่แต่อยู่คนเดียว เสียดายที่ไม่ได้พาคุณแม่มาด้วย (เพราะเป็นวันเกิดคุณแม่) ด้วยความที่เข้าใจผิดว่าห้ามพาคุณพ่อ คุณแม่มาแบบปีที่แล้ว (ที่ให้มาคนเดียวหรือพาแฟน/ลูกมาได้ ซึ่งไร้นามยังไม่มีทั้งคู่เลยต้องฉายเดี่ยว) จริงๆ แล้ว อยากให้ที่บ้านได้มาพักผ่อนกันบ้างเหมือนกัน แต่ที่บ้านไร้นามไม่ค่อยชอบไปไห