Skip to main content

Khao Kor #2


ยลหมอก
หยอกเย้า
เคล้าแสงจันทร์



นานแล้วที่ไม่ได้นอนกลางดิน กินกลางทราย การมีชีวิตอยู่ในตัวเมืองนั้นทำให้คนเราใช้ชีวิตหรูหราน่าดู ที่นอนนุ่ม ห้องแอร์อุณหภูมิพอดีๆ เงียบสงบ ห้องน้ำสะอาดๆ ฯลฯ มักจะทำให้คนเราห่างไกลธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ พอได้ออกมาลองลุยๆ เล็กๆ (แต่ก็ยังสบาย) ซะบ้างก็ทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบ


หลับฝัน
พลันตื่น
ฟื้นเห็น



เล่าเรื่องเดินทางต่อ... พอคืนนั้นหลังจากสนุกสนานกับบรรยากาศเขาค้อ พวกเราก็เดินทางต่อไปพิษณุโลก เพื่อไปวนอุทยานภูหินร่องกล้า ตอนแรกพวกเราคิดจะไปภูทับเบิก แต่รถตู้ที่เหมาไป ขึ้นไม่ไหว (เครื่องดับเวลาขึ้นเขากันเลยทีเดียว!) คนขับรถตู้ไม่กล้าเสี่ยง พวกเราก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนกันตามความเหมาะสม


ถึงโลก
โศกหรือ
คือเป็น



ก็เลยได้ไปออกกำลังกายเดินขึ้นๆ ลงๆ เขาหลายกิโล ดูลานหินแตก กังหันลม น้ำตก ลานหินปุ่ม ผาชูธง ฯลฯ ให้รู้สึกชีวิตได้ผจญภัย (ในยามที่ยังมีแรงอยู่) ทำให้ได้ไปเห็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่ไม่เคยได้พบเห็นที่นี่ด้วย (เหมือนมานั่งปฏิบัติธรรมทำบุญกันอยู่ตามภาพด้านบน)


ร้อนเย็น
เช่นไหน
ไยคลาย



ออกกำลังกายแบบนี้สนุกกว่าการไปเดินบนลู่วิ่ง หรือ ปีนเขาจำลองไปดูทีวีหรือมิวสิกวีดีโอไปในฟิตเนสเป็นไหนๆ ที่แปลกคือฉันไม่เหนื่อยเลย ทั้งๆ ที่คุณหมอบอกว่าปีนี้ฉันความดันต่ำผิดปกติ (ค่าที่สูงสุดไม่ถึงร้อย) ให้ระวังหน้ามืดเป็นลมเพราะเลือดไปเลี้ยงโน่นนี่ไม่ทัน (ขำๆ คือแอบสังเกตตัวเองพบว่าความดันจะต่ำผิดปกติค่าไม่ถึงร้อยตอนอกหัก ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้ปีนี้ก็เป็นอีกครั้ง หรือว่าสภาพการสูบฉีดของหัวใจคนเรามันอ่อนแอไม่แข็งแรงไปตามสภาพจิตใจได้จริงๆ นะ? ปีหน้าต้องกลับมาปกติให้ได้ สู้ๆ)


มองไป
ให้สุด
หยุดฟ้า



ภาพด้านบนคือน้องไกร น้องชายแสนใจดี (ในช่วงนี้) คือมีหน้าที่เป็นตากล้องให้ฉัน เลยโชคร้ายต้องคอยเดินตามพี่สาวแสนซนที่วิ่งไปโน่นไปนี่ไม่สนใจน้องชายที่ดูเหน็ดเหนื่อย เช่น... อ๊ะ จุดชมวิวปีนขึ้นไปดู (จะได้ถ่ายรูปสวยๆ) กันเถอะ ฯลฯ



น้ำตา
พาพร่าง
จางหาย



ไม่รู้ว่าบรรดาลูกน้องฉันจะแอบระอาหัวหน้าผู้แสนซุกซนคนนี้หรือไม่ นอกจากจะทำตัวเป็นเด็กๆ (สมวัยตามอายุชีวภาพ เพราะสภาพกระดูก กล้ามเนื้อ ผิวหนัง การเผาผลาญอาหาร ฯลฯ ตรวจออกมาว่ายังอายุแค่ 23 อยู่ อิอิ) เลยวิ่งเล่นไปมาปีนโน่นปีนนี่บ้าง กินเก่ง เล่นเกมส์ Wii กับน้องๆ บ้างอย่างสนุกสนาน (เนียน) การมาเที่ยวแบบนี้ทำให้ลดช่องว่างลง (เวลาอยู่บริษัทเหมือนคนจะกลัวๆ กันเพราะดูเหมือนจะเป็นใหญ่เป็นโตระดับนึง)


พบพราก
จากดู
รู้กาย



ไม่วาย
พ่ายพบ
นบกรรม



แล้วแหงนหน้ากล้าสู้กู้ชีวิต
มองลิขิตสิทธิ์ตนอย่างปนขำ
แม้ถูกสาปให้เจ็บช้ำเพียงรู้จำ
อย่าปล่อยทำร้ายเกินจะเดินไป

สุขและทุกข์เปลี่ยนไปตามวิถี
จะยึดมีถือไว้หาได้ไม่
ด้วยหลักธรรมย้ำยิ่งสิ่งแปรไป
อย่าหลอกใจให้จมระทมตรอม

มองให้พ้นม่านหมอกที่หลอกรู้
แล้วยลดูภาพกระจ่างพลางถนอม
จิตเดิมแท้แน่พิสุทธิ์หยุดปนปลอม
จึงรู้น้อมยอมกรรมพร้อมทำใจ

ฉันจะเดินไปแล้วจากตรงนี้
เพื่อให้มีวันข้างหน้าขึ้นมาใหม่
ภาพอดีตกรีดเจ็บเก็บลงไป
ปล่อยวางไปให้เป็นเช่นที่ควร
 


Create Date : 16 พฤศจิกายน 2551

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค

หัวหิน

" The best way to predict the future is to invent it. " -- Alan Kay โปรยปรายพรายพร่างฟ้า พริ้มเพราตาเกินหาไหน แพร้วเพริศประเสริฐใจ งามวิไลใฝ่เย็นบุญ วันก่อนไปประชุมประจำปีกับบริษัทที่หัวหิน ระหว่างทางแวะไปทำบุญบริจากข้าวของ ปล่อยปลา ปลูกพืชสมุนไพร ฯลฯ กันที่โรงเรียนเล็กๆ แถบชะอำ ภาพด้านบนเป็นถ้วยไอติมเรียงราย ถ่ายเล่นๆ ระหว่างรอตักแจกเด็กๆ ตกเย็นก็มาถึงโรงแรม Central Sofitel หัวหินจุดหมาย โรงแรมน่ารักสบายๆ เป็นแบบไทยๆ ตั้งอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยว ต่างไปจากการประชุมประจำปีที่แล้วที่ Evason ปราณบุรีที่ออกแนว Art แบบหมู่เกาะห่างไกลจากอะไรต่อมิอะไร ซึ่งมีข้อดีข้อเสียและบรรยากาศแตกต่างกันไป ร่มรื่นชื่นไทยแท้ ด้วยเก่าแก่แลเกื้อหนุน โอบล้อมห้อมการุณ จากวันวุ่นสังคมเมือง ห้องที่ได้พักเป็นห้องคู่แต่อยู่คนเดียว เสียดายที่ไม่ได้พาคุณแม่มาด้วย (เพราะเป็นวันเกิดคุณแม่) ด้วยความที่เข้าใจผิดว่าห้ามพาคุณพ่อ คุณแม่มาแบบปีที่แล้ว (ที่ให้มาคนเดียวหรือพาแฟน/ลูกมาได้ ซึ่งไร้นามยังไม่มีทั้งคู่เลยต้องฉายเดี่ยว) จริงๆ แล้ว อยากให้ที่บ้านได้มาพักผ่อนกันบ้างเหมือนกัน แต่ที่บ้านไร้นามไม่ค่อยชอบไปไห