Skip to main content

Silicon Valley #3


" There is no duty more obligatory...
  than the repayment of kindness. "

-- Cicero


ไอดินกลิ่นทะเล
ทุ่มใจเทให้มาถึง
ภาพงามตามตราตรึง
ด้วยเคยซึ้งในวันวาน


สิ่งที่ชอบที่สุดเวลามาที่ California คือการได้ขับรถเล่นหยุดดูวิวทะเลตามทางหลวงหมายเลขหนึ่ง ที่ด้านนึงเป็นผาอีกด้านนึงเป็นทะเล เมื่อสามปีก่อนจำได้ว่าขับจาก LA มาที่ San Fran ตอนเย็นๆ เห็นพระอาทิตย์ค่อยๆ ตกสีแดงๆ ชมพูๆ อาบน้ำทะเลสวยทีเดียว พอคราวนี้มีเวลาว่างก็เลยแอบขับรถมาดูทะเลเล่น คือขับจาก Santa Clara ไป Santa Cruz แล้วก็ขึ้นตามทางหลวงหมายเลขหนึ่งไปเรื่อยๆ...

นกเอยรำเพยร่อน
ให้อาวรถึงวันหวาน
ยามเด็กเหมือนไม่นาน
เวลาผ่านช่างเหมือนฝัน


จริงๆ ตอนแรกกะว่าจะไปเดินเล่นหาหนังสือเกี่ยวกับการต่อเรือยอร์ช เพราะ Santa Cruz ดังเรื่องนี้อยู่เพราะมีชมรมเรือยอร์ชมีชื่อตั้งอยู่ แต่ว่าพอไปถึงย่านร้านหนังสือที่ค้นจาก net มาก็พบว่าคนพลุกพล่านสุดๆ จนหาที่จอดรถไม่ได้วนไปวนมาทั่วเมืองจนท้อ ก็เลยไม่ได้แวะต้องเปลี่ยนแผนเป็นไปหาของกินดีกว่า และอาหารที่ควรทานเวลามาเที่ยวริมทะเลที่สุดก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากอาหารทะเล (อิอิ)

ปลาสดรสยวนใจ
ชิมลิ้มไปให้สรวลสรร
รสรื่นชื่นคืนวัน
ก่อนมุ่งมั่นฝันต่อไป


อาหารทะเลอร่อยๆ แถบนี้ก็มีไม่กุ้ง Lobster ไปเลย (ซึ่งตัวใหญ่และแพงไปทานคนเดียวไม่คุ้ม) ก็ปลาดิบสดๆ ชิ้นอ้วนๆ นี่แหล่ะ ไร้นามแวะไปร้านปลาดิบชื่อดังที่คู่มือนำเที่ยวแนะนำ เป็นร้านที่น่ารักทีเดียวคือกันเองสุดๆ มีภาพติดรอบๆ ร้าน มีของ souveniors ขาย ที่ประทับใจคือให้เวลาเราดูเมนูนานแล้วก็มาแนะนำโปรโมชั่นดีๆ อาหารก็ไม่แพง ตอนจ่ายตังค์ไร้นามก็ให้ทิปไป (การให้ทิปเป็นเรื่องปกติ) เค้าก็บอกว่าไม่เอาเราก็ยืนยันให้ คุณสาวเสริฟก็มาขอบคุณใหญ่จนเรางงเลย (จริงๆ ก็เห็นลูกค้าโต๊ะอื่นๆ ก็ให้ทิปนะ เลยสงสัยว่าเค้าคิดว่าเราเป็นนักเรียนหรือเปล่าเลยจะไม่ยอมเอาทิป)

มิตรเอยมิตรภาพ
ให้ซึ้งทราบถึงทรวงใน
น้ำจิตเอยน้ำใจ
ยามเพิ่มใส่ให้ทราบซึ้ง


พอเลาะเที่ยวริมทะเลเสร็จก็เริ่มเข้ารกเข้าพง (ป่า) จุดหมายต่อไปของไร้นามคือป่า Redwood ไปดูต้นสนแดงสูงๆ ใหญ่ๆ เริ่มขับเข้าป่าประมาณบ่ายสามปรากฏว่าเส้นทางคดเคี้ยว & น่ากลัวกว่าที่คิดบางช่วงขับความเร็วได้ไม่เกิน 20 ไมล์ต่อชั่วโมง กว่าจะออกจากย่านป่าได้ก็มืดเลยน่ากลัวทีเดียว ที่น่าเสียใจคือช่วงที่มีวิวสวยๆ ไม่มีที่จอดรถชมวิว พอมีจุดให้รถออกไปพักได้ ก็ไม่ค่อยมีวิวอะไร (ดังภาพ)

ป่าเขาลำเนาไพร
ช่างยิ่งใหญ่ยากเข้าถึง
ความมืดน่าพรั่นพรึง
ยามเข้าถึงย่านใจกลาง


เวลาขับรถในป่าแอบอิจฉาประเทศเค้าเล็กน้อยเพราะขนาดในป่าถนนก็ดีมากๆ ของเราเวลาเข้าป่าไปก็จะเป็นทางลุยๆ (ซึ่งจริงๆ ก็แอบสนุกไปอีกแบบ /นึกถึงตอนไปทีลอเล ทีลอซูทางลุยๆ มึนๆ แต่แอบมันๆ สุดๆ) แต่ป่านี้ยังไม่ถึงกับสวยเห็นแล้วตะลึงแบบป่า Black Forest ที่เยอรมัน (ตอนแรกดูจากภาพคิดว่าคล้ายๆ กัน) แต่ที่ขำๆ คือเวลาเจอเมืองกลางป่าก็พบสาขา super market ใหญ่หรือร้านอาหารซ้ำๆ เช่น McDonald, Starbuck มาตั้งอยู่เลยรู้สึกว่าเมืองแต่ละเมืองทำไมหน้าตาเหมือนๆ กันไปหมด ทำให้นึกถึงยุโรปที่เวลาเข้าป่าแล้วเจอเมืองกลางป่าจะเล็กๆ และก็มีแต่ร้าน Local ดูอบอุ่นกว่า

จริงแล้วอยู่ที่ใจ
จะสดใสหรืออ้างว้าง
เสี้ยวของความแตกต่าง
คือภาพค้างของอารมณ์




Create Date : 24 พฤศจิกายน 2550

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...