" Once we accept our limits, we go beyond them. " -- Albert Einstein |
ขอบเขต
ขีดขั้น
ขัดขวาง
ห่างหายไปนานกว่าจะได้มีเวลามา update หน้านี้ เพื่อนที่ไป Singapore ด้วยกันคงรอจนลืม (พร้อมโทรมาไถ่ถามบ่อยๆ และก็คอยห้ามไม่ให้ไปทำอะไรเสี่ยงๆ ที่สนามหลวง) วันนี้ขอเปลี่ยน theme blog กลับมาเป็นแบบเดิม ก่อนที่จะร้อนไปด้วยการเมืองอย่างเดียว ใช่ว่าเพราะทิ้งร้างบ้านเมือง แต่ด้วยเพราะถ้าทิ้งไว้ไม่เขียนต่อก็รู้สึกคาใจว่ายังทำ blog เรื่อง Singapore trip ไม่เสร็จสักที
เคว้งคว้าง
ค้นค่า
คราครั้ง
ก่อนอื่นต้องขอบรรยายภาพ ภาพบนสุดเป็นภาพสระน้ำที่ดาดฟ้าของโรงแรม Changi Village ที่พักอยู่สวยงามมาก (เป็นกระจกเห็นวิวทะเล) ถัดมาเป็นน้อง Merlion พ่นน้ำลงทะเลดูเหงาๆ (จริงๆ รอบๆ มีคนถ่ายรูปกันเพียบ) แล้วก็ภาพสะพาน Classic (Anderson Bridge) แล้วก็วิวงานปะติมากรรมริมน้ำที่ต้องใช้กล้องซูมแต่ไกล
ชาติเชื้อ
ชนชั้น
ใช่ชัง
สายหน่อยพวกเราก็ไปเดินเล่นย่าน China town ย่านนี้เป็นย่านที่สมัยก่อนเคยแออัด แต่ปัจจุบันสวยงามน่ารักถูกจัดจนเป็นระเบียบสวยงาม ตอนมาที่นี่นึกย้อนกลับไปที่ตลาดเก่าที่ลำปางที่ไร้นามเติบโตมา ตึกมอๆ ซอๆ แต่พอกลับไปเยี่ยมคราก่อนกลับกลายเป็นถนนคนเดินกาดตองก้า อันสวยงามไปซะแล้ว การเวลาพาสิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปจริงๆ
พลาดพลั้ง
พาพบ
พาลภัย
เสร็จจากย่าน China Town เราก็กลับไปเดินแถว Albert Mall (Waterloo Street) ถนนคนเดินที่คึกคักพอควร เพื่อไปไหว้พระทั้งวัดแบบอินเดีย (Sri Krishnan) และวัดเจ้าแม่กวนอิม (Goddess of Mercy) ที่ห้ามถ่ายภาพเลยไม่มีภาพมาให้เพื่อนๆ ได้ชม พิธีการไหว้ที่วัดนี้แปลกพอควรคือต้องหันหน้าเข้าหากำแพงแล้วไหว้ (ที่กำแพงมีภาพปูนปั้นนูนต่ำรูปเจ้าแม่กวนอิมสวยงามมากๆ เสียดายที่มิอาจเก็บภาพมาให้ชมได้)
กาลกลาย
กลับกล้า
กีดกั้น
ภาพสองอันบนเป็นวิวรอบๆ ที่พบเห็นได้ในสิงค์โปร์ ดูไปรษณีย์ Artๆ ที่ดูแทบไม่ออกเข้ากับการเล่นสีสันของตึกในเมืองที่สดใสตัดกันไปมา และก็สาวๆ ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขาสั้นเสื้อสายเดี่ยว/แขนกุด เพราะสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวกว่าบ้านเรานัก ภาพด้านล่างเป็นชายหาดเทียมที่ทางรัฐบาลสิงค์โปร์สร้างเงินด้วยอำนาจเงิน ด้วยสิงค์โปร์เป็นเกาะที่ชายฝั่งเป็นทะเลน้ำลึก (สังเกตจะเห็นเรือลำใหญ่อยู่เต็มรอบเกาะ)
งงงัน
เงินงาม
งานง่าย
ตกบ่ายพวกเราก็ไปเกาะ Sentosa กัน ขาไปพวกเราไปกันทาง Cable Car หวาดเสียวทีเดียว (ตอนออก) เป็น Cable Car ที่ยาวมากจนรู้สึกได้ว่าประเทศเค้านี่ช่างรวยจริงๆ สร้างอะไรๆ ขึ้นมาก็ได้ทั้งๆ ที่ประเทศก็เล็กนิดเดียว ไปถึงก็ไปดู 4D ตามด้วยไปนั่ง tower หมุนๆ 360 องศาชมวิวประเทศสิงค์โปรซึ่งถือว่าคุ้มทีเดียวเพราะมีเสียงบรรยายทิวทัศน์ได้ละเอียดเห็นหลายๆ อย่างน่าสนใจดี
โดดเด่น
ดุจดาว
เดียวดาย
สินค้าที่นี่ค่อนข้างแพงถ้าเทียบกับบ้านเรา (ค่าครองชีพสูงกว่า) จำได้ว่าตอนจบปริญญาโทใหม่ๆ มีบริษัทที่สิงค์โปร์พยายามตามตัวไร้นามมาทำงานที่นี่ จำได้ว่าหัวหน้าที่สัมภาษณ์งานแสนใจดีบอกว่าถ้ามาก็อย่าเบื่อนะประเทศสิงค์โปร์น่ะเล็กๆ แต่ก็มีอะไรให้ทำเยอะแล้วก็ส่ง Link websites ท่องเที่ยวสิงค์โปร์มาให้อ่านใหญ่น่ารักทีเดียว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปทำงานกับเค้าเพราะตัดสินใจเรียนต่อปริญญาเอก (ตอนจบเอกก็ไม่ได้ติดต่อไปเพราะทำงานต่อที่อังกฤษเลย แหะ แหะ)
ทิ้งท้าย
ท้อแท้
ทุกข์ทน
แล้วก็เที่ยว Underwater World ดูการให้อาหารปลาฉลาม จับปลาเล่น ฯลฯ แต่โดยรวมถือว่ายังไม่ค่อยประทับใจด้วยคาดหวังมากไป เด็กๆ ไร้นามเคยไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ Montarey แล้วประทับใจมาก โดยเฉพาะห้องแมงกระพรุนเรืองแสงมากมายว่ายไปมาพบเพดานเต็มห้องที่เป็นภาพอันตรึงตรา ตั้งแต่นั้นมาถ้ามีโอกาสก็จะแวะไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเรื่อยๆ แต่ยังไม่มีที่ไหนประทับเท่า Montarey เลย (วันก่อนเจอรุ่นน้องที่รู้จักกันที่ฮ่องกงมากระซิบว่าที่ Montarey น่ะสวยจริงๆ เค้าก็เที่ยวมาหลายที่แล้ว ^^') หลังจากนั้นพอคล้อยเย็นพวกเราก็ไปชมการแสดง Song of the Sea อันตระการตาน่าประทับใจทีเดียว...
จริงจัง
เจตน์จาร
จากใจ
สวยใส
สรรเสก
สรวงสน
รื่นเริง
เรื่องราว
ร้าวรน
ปล่อยปรน
ปลดเปลื้อง
เป็นไป
Create Date : 25 มิถุนายน 2550 |
Comments