Skip to main content

Florida Trip

" The bird of paradise alights...
  only upon the hand that does not grasp. "

-- John Berry


สกุณาเหิรร่อนร้อง..........ระบำ
กางปีกโผดื่มด่ำ.............แผ่นฟ้า
อิสระสิ่งนี้สำ-................คัญยิ่ง
จึงมิคิดจับคว้า...............แผ่นพื้นผืนดิน


น่าแปลกที่การเดินทางของฉันมักจะมาอย่างไม่ค่อยได้คาดฝันเท่าไรนัก การเดินทางคราวนี้เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกที่ต้องควักกระเป๋าเอง (ปกติบินฟรีตลอด อิอิ) สาเหตุมาจากคุณแม่อยากไปเยี่ยมพี่ๆ น้องๆ ของคุณแม่ ที่ Florida และพอดีญาติผู้พี่ พี่สาวแสนดีที่สนิทกับทางบ้านฉันคนหนึ่งจะมีงานแต่งงานที่นั่น



นกเอยกางปีกกล้า..............โบยบิน
ไปสุดท้องที่ถิ่น..................แห่งหล้า
เพริศแพร้วแทบเกินจินต์......จักหยั่ง
กลับพบเพียงอ่อนล้า...........ไขว่คว้าเกินตน?


การเดินทางคราวนี้เป็นการนั่งเครื่องบินที่ยาวนานที่สุดของฉันก็ว่าได้ เริ่มออกจากสนามบินสุวรรณภูมิที่แสนสวยงามน่าประทับใจ แต่ด้วยความที่บินกับ United Airlines + Continental Airlines เลยโดนค้นกระเป๋าละเอียดพิเศษ แล้วบินตรงสู่สนามบินนาริตะที่ทันสมัยและน่ารัก แล้วก็ไปเปลี่ยนเครื่องอีกทีที่นัวร์ค (Newark) ที่แสนจะวุ่นวายและไร้ระเบียบพอควร (คงเพราะมาตรการป้องกันผู้ก่อการร้ายเพราะเป็นสนามบินระหว่างประเทศขนาดใหญ่ใกล้ๆ นิวยอร์ค) แล้วก็มุ่งสู่ Fort Lauderdale ที่ Florida



จึงพบว่าที่แท้..................ใจคน
ความสุขทุกข์ใช่ทน..........เก็บไว้
แสวงสิ่งนอกจน...............เหนื่อยหน่าย
ทราบมิอาจเทียบได้..........เท่ารู้ปล่อยวาง



ครั้งแรกที่ไปถึงรู้สึกว่าอเมริกาฝั่งนี้ดูสวยงามกว่าฝั่ง California อาจเป็นเพราะแสงไฟอันสว่างไสวไปทั่วไม่มีแถบรกร้างดูตระการตาตัดกับท้องทะเลอันเงียบสงบ กับสภาพบ้านเมืองที่ดูไม่เป็นสี่เหลี่ยมๆ แบบฝั่งตะวันตก เลยรู้สึกถึงความอบอุ่นกันเองมากกว่า Florida ทางตอนใต้นี้เป็นเขตที่อากาศใกล้เคียงกับเมืองไทยแต่ดีกว่าคือบรรยากาศดูใสๆ กว่ามากไม่มีฝุ่นควันไม่แปลกใจเลยที่บรรดาเครือญาติของฉันย้ายถิ่นฐานกันมาที่นี่กัน



อิสระนั้นที่แท้.................เบาบาง
เพียงแค่รู้จักวาง..............ปล่อยฟ้า
แล้วคลี่ปีกออกกาง..........อย่างสุข
ยามผกผินบนหล้า...........ไม่ต้องไปไกล


เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อมุ่งหน้าไปร่วมงานหมั้นที่วัดไทยใน Miami บรรยากาศงานเหมือนยกเมืองไทยมาที่นี่อย่างไรอย่างนั้น ไปแล้วไม่ค่อยรู้สึกว่าอยู่ต่างถิ่นเท่าไหร่เพราะญาติที่รู้จักเต็มไปหมด เสียดายที่วันนั้นใช้กล้องถ่ายรูปตัวที่ยกให้คุณแม่และคุณแม่ของไร้นามก็ยังอยู่ที่นั่น เลยไม่ได้เอาภาพกลับมาที่เมืองไทย (ภาพใน blog ถ่ายมาด้วยกล้องวีดีโอที่ความละเอียดไม่สูงนัก เลยไม่ค่อยชัดเหมือนปกติ)



เสรีภาพทราบได้.............ทางใจ
ตรึงติดแล้วปล่อยไป........สุขแท้
จะยึดเหนี่ยวสิ่งใด............กันเล่า
ล้วนแต่อนิจจังแล้............รูปไร้ใช่นิรันดร์



เย็นวันนั้นก็ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์เรื่องร่างกายมนุษย์ เป็นการแสดงอวัยวะสำคัญต่างๆ ของคน (ศพจริงเอามา staff ให้ดูเป็นส่วนๆ) ซึ่งดีมาก ได้เห็นกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเลือด ฯลฯ พร้อมการทำงานของส่วนต่างๆ ที่ปกติ และผิดปกติ ตกเย็นพวกเราก็ไปทานอาหารที่ร้านของญาติอร่อยสุดๆ สมแล้วที่ฝรั่งยังมาเข้าคิวคอย วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามาก็ไปเดินเล่นกับเป็ดริมทะเลสาบแถวบ้านพักแล้วก็ไป shopping แล้วก็แต่งตัวเตรียมเพื่อให้สมกับงานแต่งแสนหรู (ค่าจัดเลี้ยงตั้งคนละ $300 << แอบเสียดายตังค์แทนเล็กน้อย ^^')



วิหกบินร่อนฟ้า................พาฝัน
เงาจับลงกำนัล................สู่พื้น
จากไปไม่เปลี่ยนผัน.........เป็นอื่น
เงาอยู่ให้ใจชื้น................รื่นรู้เสรี


เลิกงานก็ไปเที่ยวดูแสงสีแถว South Beach กัน วันถัดมาก็ลงใต้ไป Keys West (ใต้สุด) เป็นถนนยาวๆ ทาง/สะพานเล็กๆ เชื่อมเกาะไปเรื่อยจนถึงทางใต้ บรรยากาศดีมากทีเดียว วันถัดไปก็ลองไปทำงานร้านคุณน้าแถวๆ Palm Beach ดูบรรยากาศคนไทยในอเมริกาว่ามีชีวิตเป็นอย่างไรและก็ฝึกขับรถ (ภาพด้านขวาบนถ่ายที่ร้านคุณน้า) วันถัดไปก็ซ่าส์ขับรถขึ้นเหนือ 4 ชม. พาคุณแม่กับคุณน้าไปเที่ยว Orlando - Universal Studio คืนนั้นพักกันแถวนั้นแล้ววันถัดไปก็ไปเที่ยว John F. Kennedy Space Center (NASA)



พ้นขอบขีดเขตขั้น.........ที่มี
พร้อมพบพานสิ่งดี.........มุ่งหน้า
ด้วยมีสิทธิ์เสรี..............ฝันใฝ่
จึงไม่ยึดติดคว้า............สิ่งเย้ายวนใด


การไป NASA คราวนี้ประทับใจมากคือเป็นวันที่เค้าปล่อยกระสวยอวกาศ Discovery เพื่อส่งคนไปพัฒนาและซ่อมบำรุง International Space Centre ด้วย (7 Dec) พอไปถึงก็ได้คู่มือเขียนปกว่า "You're here on a historic day..." คือเป็นวันที่ปล่อยกระสวยอวกาศแบบนี้ตอนกลางคืนครั้งแรกอะไรประมาณนั้น แต่ที่น่าเสียดายคือสถานที่หลายๆ แห่งเลยถูกปิดไป เช่นบริเวณ Launch เพราะมีกระสวยอวกาศจริงไปตั้งอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัย สถานที่เค้าทำไว้ดีมากถ้าใครมีโอกาสได้ไป Florida ขอแนะนำให้ไปที่นี่นะคะ



Create Date : 26 ธันวาคม 2549

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...