Skip to main content

Silicon Valley #4

" When you walk in the shadow of a stranger,
  you learn things you never knew you did not know. "

  -- Aesop


ร่มเงาเพลาอารมณ์
ด้วยห่อห่มบ่มความฝัน
แดดแรงแสงอ่อนพลัน
ด้วยกางกั้นปันร่มเงา



ภาพชุดนี้เกิดจากวันว่างๆ ที่ถือโอกาสท่องเที่ยวอีกครั้ง วันที่ถ่ายภาพชุดนี้เป็นวันฮาโลวีน เลยถือโอกาสไปเที่ยวบ้านผีสิงซะหน่อย (ซึ่งเป็นบ้านผีสิงของแท้ที่ยังเป็นที่ร่ำลือกันอยู่) คือ "Winchester Mystery House" ที่ San Jose แต่เป็นการท่องเที่ยวในตอนกลางวันเพื่อไปดูบรรยากาศ เนื่องจากมีการเตรียมตัวฉลองงานฮาโลวีนที่นี่ตอนกลางคืน (ไม่สามารถไปตอนกลางคืนได้เพราะวันนั้นต้องย้ายไป Palo Alto ตอนเย็น)


หุ่นฟางยิ้มเริงร่า
สรวลหรรษาพาคลายเหงา
ไร้สุขไร้โศกเศร้า
รู้ว่างเปล่าเจ้าหุ่นฟาง



สิ่งที่น่ารักที่นี่คือสวนที่สวยงามขนาดกระทัดรัดที่ถูกตกแต่งด้วยกองทัพหุ่นฟาง ในอิริยาบทต่างๆ ผลฟักทองสีส้มสดใสกระจัดกระจายไปทั่ว และน้องกาน่ารักๆ เกาะอยู่ทั่วไปตามต้นไม้ให้ได้บรรยากาศเทศกาลฮาโลวีนยิ่งนัก นักท่องเที่ยวที่มาวันนี้ก็ dress up เป็นชุดแม่มด พ่อมด นางฟ้าเต็มไปหมด (แต่ไร้นามมิได้ถ่ายภาพนักท่องเที่ยวมาเพราะเกรงใจเห็นส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครับมีเด็กเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมาอบอุ่นทีเดียว)


นกกามาทายทัก
เหมือนรู้จักมิได้ห่าง
แย้มยิ้มพริ้มใจพลาง
คู่เคียงข้างทางนกกา



การเดินเที่ยวที่นี่ถ้าเป็นแบบเสียค่าเข้าชมจะแบ่งเป็นสองแบบคือ "Mansion Tour" กับ "Behind The Scene Tour" โดยทั้งสองแบบจะมีคุณไกด์ผู้เชี่ยวชาญเดินนำทางให้ เพราะสถานที่ค่อนข้างซับซ้อนวุ่นวายและมีเรื่องราวมากมายอยู่เบื้องหลังพอควร ส่วน "Garden Tour" นั้นจะฟรีสำหรับผู้มาชมและมีเสียงพูดอยู่เป็นระยะๆ ด้วยมีเวลาเหลือเฟือไร้นามเลยทดลองทัวร์ทุกรูปแบบ


ตึกเก่าเจ้าตระหง่าน
เป็นแบบบ้านบ่งยศฐา
งามงดจรดตา
ชวนให้หาค่าตึกเก่า



ระบบทัวร์ที่นี่จัดได้ใช้ได้ทีเดียว คือ Mantion Tour เค้าจะให้เบอร์เป็นตัวเลข ส่วน Behind the Scene Tour จะให้เป็นตัวอักษร แล้วเค้าก็จะประกาศเบอร์ทัวร์ให้ไปรวมกันที่จุดนัดพบ ตอนไร้นามไปได้ทัวร์เบอร์ 8 กับเบอร์ H ซึ่งเวลาจะอยู่ประมาณ 11 โมงกับบ่ายโมงครึ่งตามลำดับ ไร้นามมาถึงตั้งแต่ 10 โมงก็เลยเตร็ดเตร่เดินในสวน self-Garden Tour ถ่ายรูปไปพลางๆ ก่อน


รูปปั้นตั้งประดับ
ดูส่งรับขับความเหงา
โดดเดี่ยวเปลี่ยวดายเศร้า
รู้ไหมเล่าเจ้ารูปปั้น



เดินชมสวนก็จะมีพิพิธภัณฑ์ฟรีให้ดูคือพิพิธภัณฑ์ปืน (ปืน Winchester) เพราะตระกูลของเจ้าของบ้านนี้มีชื่อเสียงเรื่องผลิตปืน นั่นอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บ้านนี้ซับซ้อนเพราะคุณไกด์เล่าว่ามีห้องเหมือนค่ายกลมากมายเพื่อไม่ให้ขโมยเข้ามาลอบฆ่าได้เช่นมี "Door to no where" เป็นประตูที่เปิดออกมาจากข้างใน (ชั้นสอง) แล้วคนเปิดจะหล่นลงมากเลยเพราะไม่มีห้องถัดไป หรือประตูที่เปิดออกไปแล้วเจอกำแพงตัน ตรงทางออกรถม้าสำหรับคนพยายามหาทางหลบหนีจากทางปืนแต่จะหนีไม่ได้เพราะพบทางตัน (แล้วก็จะโดนยิงตายอยู่ตรงนั้น)


วงกตคดซับซ้อน
ดูยอกย้อนก่อนภาพฝัน
งามงดหรือพรึงพลัน
ตามยึดมั่นอันวงกต



สถาปัตยกรรมที่นี่จะอิงแบบ Victoria ตึกออกแนวเหลืองแดงอมส้มๆ เดิมทีมีความสูงทั้งหมด 7 ชั้น (รวมหอคอย/ก่อนถล่มเพราะแผ่นดินไหว) แต่ตอนนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมถึงชั้น 4 ลักษณะข้างในเรียกได้ว่าประหลาดทีเดียวเช่นขั้นบันไดจะสูงเพียงประมาณหนึ่งนิ้วเพราะฉะนั้นบันไดจากชั้นหนึ่งถึงชั้นสองจะยาว มากๆ ขดไปขดมาประมาณ 7 ทบ (คุณไกด์บอกว่าให้คนที่มาลอบฆ่าเจ้าของบ้านบุกมา/ลอบหนีลำบาก) แต่บ้านนี้มีเทคโนโลยีสูงทีเดียวเช่นมีลิฟท์ยุคบุกเบิกทั้งรุ่นแรงดันไอน้ำ และรุ่นเริ่มใช้ไฟฟ้า มีสิ่งประดิษฐ์ patent มากมาย เช่นระบบน้ำร้อนทั่วบ้านหลังแรก ระบบไฟ/กลไกเรียกคนใช้ให้ไปประจำจุดต่างๆ ฯลฯ (เพราะเจ้าของเป็นคนสนใจเทคโนโลยีและมีเงิน)


กระจกสีสะท้อน
ประภัทสรหลอนงามงด
มุมมืดแสงสีสด
สรรปรากฏผ่านกระจก



เจ้าของบ้านที่นี่ดูชื่นชอบ Stained Glass มาก สังเกตได้ว่าทางเชื่อมหลายๆ ห้อง หรือตามห้องสำคัญจะมีกระจกสีสวยสดเป็นลวดลายต่างๆ ประดับอยู่ให้บรรยากาศข้างใน Classic ทีเดียว ลวดลายที่มีชื่อเสียงและมีมูลค่าสูง คือกระจกดอกไม้รูปแบบต่างๆ แต่พอดีห้องแรกๆ ไร้นามมัวแต่ตะลึงกับความสวยงามเลยลืมถ่ายรูปมาฝากเพื่อนๆ ให้ได้ชื่นชมกัน


ราตรีที่มาเยือน
แสงดาวเดือนเลือนผันผก
ซับซ้อนซ่อนวนวก
มืดตระหนกปรกราตรี



ส่วนทัวร์ Behind the Scene นั้นจะพาไปชมเบื้องหลังการทำงานของบรรดาคนงาน หรือเครื่องจักรกลไกที่ทำให้คนในบ้านได้อยู่อย่างสะดวกสบาย หรือสัตว์เลี้ยง เวลาเดินทัวร์ต้องใส่หมวกกันน็อคเพราะต้องเดินไปในหลายๆ บริเวณ ซึงบางบริเวณนั้นอันตรายเช่นห้องใต้ดิน ตอนไปชมห้องใต้ดินค่อนข้างประทับใจเรื่องระบบการสร้างห้องด้วยตอม่อที่แยกกัน ทำให้ตึกข้างบนที่เห็นว่าเชื่อมกันจริงๆ แล้วแยกกันไหวได้ให้เวลาเกิดแผ่นดินไหวแล้วจะไม่กระทบกระเทือนกัน ทำให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจ


บุราณคิดอ่านสรร
ประดิษฐฝันมั่นศักดิ์ศรี
สร้างสมบ่มความดี
หลายสิ่งมีแต่บุราณ






Create Date : 01 มกราคม 2551

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...