Skip to main content

San Fran #3


โลกเล่ห์ลวงบ่วงใด
มายาไพรให้ลุ่มหลง
งามเลิศเพริศปลดปลง
ไม่มั่นคงเพียงชั่วคราว



ภาพบนสุดคือภาพสวนสไตล์ Bohemian ที่เต็มไปด้วยจินตนาการ นางฟ้า สัตว์ในเทพนิยาย ในห้าง Macy ตรง Union Square กลางเมือง San Fran เป็นเทศกาลพิเศษที่อนุญาตให้คนเข้าไปเยี่ยมชมและถ่ายรูปได้ โดยดอกไม้ทั้งหมดที่ประดับอยู่เป็นของจริง หอมอ่อนๆ เย็นๆ แต่งกันตระการตา แต่ก็อยู่ได้เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น


ดั่งเล่ห์ลวงมนุษย์
มิเคยหยุดมิร้อนหนาว
ล่อหลอกให้ใจร้าว
น้ำตาพราวก็ผ่านไป



ภาพที่สองเป็นภาพป้ายชื่อห้องที่ไปประชุมที่โรมแรมอินเตอร์คอนฯ เห็นเป็นชื่อสะพานดังของ San Fran ก็เลยถ่ายรูปมา ชอบที่อักษรทั้งสองคำขึ้นด้วยตัว "G" ดูเท่ห์ดี ภาพถัดไปเป็นภาพระบบคอมพิวเตอร์ลงทะเบียนงาน RSA Conference ตามด้วยภาพ Hall ของทางเดินลงเข้างาน (ถ้าเข้าทางใต้ดิน)


โลกใหม่ใช่จะเปลี่ยน
ยังหมุนเวียนไม่ไปไหน
กิเลสเลศลมใด
พาให้ใจไม่รู้วาง



ภาพรถสองคันด้านบน เป็นจังหวะพอดีที่กำลังเดินข้ามถนน แล้วเห็นรถ Taxi ของ San Fran จอดเคียงกันกับรถรางไฟฟ้าสาย F1 สีสันตัดกัน (แดง/เหลือง -- หุหุ) สดใสดี เลยรีบยกกล้องขึ้นมาถ่ายอย่างไวๆ แล้วก็ต้องรีบเดินข้ามถนนต่อ ภาพออกมาได้ดีกว่าที่คิด ส่วนภาพด้านบน อันนี้เป็นภาพ Pier 33 ที่จะนั่ง Ferry ข้ามไปเยี่ยมชม Alcatraz


หากหลงลงวิถี
คนดีดีอาจเหินห่าง
ชีวิตต้องเลือกทาง
เพื่อจะสร้างซึ่งตัวตน



ช่วงที่ไป San Fran พอดีเป็นปลายเดือนเมษา บ้านเมืองเราการเมืองกำลังร้อนระอุ ก็เลยเหมือนกับว่าเห็นภาพอะไรมีสีเหลืองสีแดง เลยจับถ่ายรูปมาให้หมด (ดูภาพฝรั่งเสื้อกันลมสีแดง วิ่งผ่านรถรางไฟฟ้าสีเหลืองน้ำเงินข้างบน หรือ ภาพดอกไม้แดงๆ เหลืองๆ เขียวๆ ที่อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืน อิอิ) แต่ก็เป็นช่วงเซ็งๆ เพราะไปเขียนอะไรที่ pantip ห้องราชดำเนิน ก็ถูกคนที่ไม่มีเหตุผล เข้ามาเห็นใครเป็นคนราชดำเนิน ก็มาว่าเสียๆ หายๆ เลยตั้งแก๊งค์กับเพื่อนก๊งเหล้าเคล้ากวี หลบไปในห้องกวีการเมืองแทน ปรากฏบรรยากาศคนราชดำเนินแท้ๆ เฮฮาทักทายกว่าขาจรเดือนเมษาน่ารักดี


บินไปเถิดโบยบิน
ผกโผผินทุกแห่งหน
เรียนรู้เลิกทุกข์ทน
พร้อมผจญกับตนเอง



อยากจะบอกว่า... การถ่ายภาพนกนางนวลบินให้ดูเป็นมุมดีๆ ในขณะที่นั่งเรือ Ferry ที่ลมแรงและหนาวสะท้านใจนั้น ถ่ายยากมากๆ (เบื้องหลังคือพยายามถ่ายมาหลายรูป) ภาพสองภาพข้างบนจึงเป็นภาพที่ค่อนข้างชอบเพราะเบื้องหลังมีความพยายามในการถ่าย กล้องที่ใช้ก็คือน้อง Lumix ธรรมดา (ไม่ได้เอา Oly-E420 ไปเพราะกลัวไม่ทะมัดทะแมง แต่กะว่าถ้าได้ไป San Fran อีกคราวหน้าจะเอาเจ้า Oly ไปแล้ว เพราะคงต้องถ่ายแต่มุมเดิมๆ ถ้าจะให้สวยขึ้นอีกคงต้องอาศัยกล้องเทพเล็กๆ ซะแล้ว อิอิ)


กลไกของชีวิต
ขีดลิขิตเลือกบรรเลง
ขับกล่อมสร้างบทเพลง
อย่ากลัวเกรงต้องก้าวไป



การไป Alcatraz คราวนี้เหมือนชดเชยคราวที่แล้วที่ตั้งใจจะไปแต่เวลาไม่พอเลยได้แต่ไปล่องเรือเฉยๆ อยากจะบอกว่ารู้สึกคุ้มมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นคนชอบตามดูเรื่องราวในประวัติศาสตร์หรือเปล่า เลยรู้สึกว่าดีใจที่ได้มา Alcatraz เองไม่ได้เป็นเพียงคุก แต่เคยเป็นดินแดนที่ชาวอินเดียแดงยึดมาจากอเมริกาเพื่อประกาศอิสระภาพอยู่นานเป็นปีในยุคที่ถูกเหยียดชนชั้นกันรุนแรง จนกระทั่งสามารถได้ดินแดนส่วนหนึ่งเป็นที่อนุรักษ์ของเค้า, หรือเรื่องราวที่มีการประดิษฐ์ระบบวงจร Electronics หลากหลายเพื่อใช้ในการควบคุมนักโทษแบบค่อนข้าง high-tech มาตั้งแต่เกือบร้อยปีก่อน


ปลดปล่อยจากกรอบกรง
เข้าเสริมส่งสิ่งสวยใส
มองเถิดนั่นฟ้าไกล
เห็นอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ



คราวนี้ภาพเยอะหน่อยเพราะว่าไม่อยากขึ้น San Fran #4 เลยตัดสินใจเอาภาพหลายๆ ที่ใน trip มาลงให้หมด ด้วยความที่รู้สึกว่าทำ blog ช้ากว่าชีวิตจริงมาหลายเดือน และมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจากชีวิตที่คิดอยากเขียนอีกมาก (แต่เหมือนจะหาเวลาได้ประมาณอาทิตย์ละวันมาทำโน่นทำนี่) ภาพด้านบนเป็นวิวสวยๆ ของ San Fran ที่นักโทษชั้นดีและผู้คุมจะได้เห็น (ซึ่งสวยจริงๆ) มีนักโทษคนนึงบรรยายไว้ว่า การลงโทษที่รุนแรงที่สุดคือการที่เค้าโดนขังแล้วเห็นความงดงามของ San Fran แต่ข้ามไปไม่ได้


โลกเราหลายมิติ
ไร้ตำหนิหากนับถือ
ใจตนหมั่นฝึกปรือ
ให้ผลคือภูมิใจเอง



ที่น่าห่วง(ในมุมมองคนอื่น)ที่สุดใน trip นี้คือ ไปอยู่ที่นั่นช่วง swine flu เริ่มระบาดพอดี พอกลับเมืองไทยก็ป่วยไข้ขึ้นอีกตะหาก (ช่วงที่เมืองไทยยังไม่ตั้งกล้องจับความร้อน) จำได้ว่าพอขึ้นรถ น้องชายเอามือมาจับหัวแล้วก็ประกาศให้คุณพ่อ คุณแม่ รู้ว่า "พี่อุ๊ไม่สบาย!" แล้วก็เป็นที่เป็นห่วงของทางบ้านพอควร ที่น่ารักคือ ไม่ว่าเราจะป่วยยังไง ที่บ้านก็ไม่เคยแสดงทีท่ารังเกียจอะไรเลย แถมจะคอยดูแลกันเป็นอย่างดี home sweat home กลับบ้านแล้วมันอบอุ่น จริงๆ @^_^@




Create Date : 24 มิถุนายน 2552

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...