ลวดลายพรายระยับ
งามตาจับประทับจิต
ชวนให้ใจหยุดคิด
มองชีวิตไปอีกมุม
พอมาดูรูปดีๆ ก็พบว่าถ่ายภาพไว้เยอะพอดูแต่คิดว่าคราวหน้าคงจะหมด stock แล้วค่ะ เพื่อนๆ ก็อดทนดูภาพเมืองโบราณไปก่อนนะคะ ช่วงหลังๆ เจ้าของ blog ไม่ค่อยได้ไปไหนก็เลยเอาภาพชุดเมืองโบราณมาฝากไว้ก่อน
เรื่องราวร้าวเลศร้าย
เลือนสลายคลายสิ่งสุม
เพียงปล่อยความกลัดกลุ้ม
ปลดร้อนรุมชุ่มชื่นใจ
ที่ up blog ช่วงนี้ช้าลง ส่วนหนึ่งก็เพราะงานสอนหนังสือ เตรียมสอน ตรวจงาน และอื่นๆ รวมถึงงานที่ทำงานก็ยุ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเมื่อเดือนก่อนส่งทีมงานไปรับงานใหม่มาจากอเมริกาอีกชิ้นหนึ่ง เดือนนี่ก็มีน้องอีกคนไปอเมริกากับงานใหม่อีกตัว ช่วงนี้ชีวิตเลยค่อนข้างจะวุ่นวายเกินกว่าธรรมดา
รื่นรมย์ชมชีวิต
เลิกรอนริดความสดใส
ปล่อยวางสิ่งเก่าไป
แล้วเริ่มใหม่ให้งดงาม
วันก่อนแอบเศร้าหน่อยๆ คือส่วนตัวเป็นคนที่ทำงานเยอะพอดูและข้อมือเองก็ไม่ได้แข็งแรง ทำให้ใช้คอมพ์นานไม่ได้ แต่คนอื่นก็ไม่ทราบ (เพราะไม่ชอบบ่นอะไรให้ใครฟัง) อาจเพราะเวลามีงานอะไรเราก็พยายามทำเต็มที่ ก็เลยมีงานมาให้ช่วยทำงานจนเริ่มเกินขอบเขตไป พอฉันปฏิเสธตรงๆ และบอกว่าจริงๆ ตรงนี้น่าจะให้คนที่มีหน้าที่โดยตรงทำดีกว่าไหม (นานทีจะปฏิเสธอะไรสักครั้ง) ก็ได้ยินประโยคว่าคนอื่นน่าจะยุ่งอาจไม่มีเวลา ตรงนี้ให้ฉันทำน่าจะดี สิ่งที่รู้สึกคือเสียใจก็คือฉันเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ว่างหรือมีเวลาเหมือนกัน ฉันเข้าใจว่าทุกๆ คนยุ่ง แต่งานการกุศลที่ผ่านมาฉันก็พยายามช่วยเต็มที่ แต่ถ้าต้องให้ช่วยกันจนเกินความสามารถที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำไหวด้วยเวลาและความรับผิดชอบที่มีบนบ่าและสภาพร่างกาย ฉันก็รู้สึกไม่ไหวเหมือนกัน จำได้ว่าแฟนเก่าฉัน(ซึ่งเป็นศิษย์เก่าสมาคมเดียวกัน) จะบอกฉันบ่อยๆ ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนตอนที่ฉันไปอาสาทำงานสมาคมฯ เรื่อยๆ มาว่า
"ถ้าเหนื่อยมากก็ไม่ต้องทำหรอก ให้คนอื่นเป็นคนทำมั่งก็ได้"
แล้วฉันก็บอกเค้ากลับไปว่า
"ก็ไม่เห็นมีใครมาทำตรงนี้เลย ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะ?"
ขนาดแฟนเก่าซึ่งเป็นคนสมาคมเดียวกัน (ในสมัยที่ยังไปไหนมาไหนกันอยู่) ฉันก็ยังเกรงใจไม่รบกวนให้เค้าช่วยงานเลย สิ่งที่เค้าอาสาช่วยแล้วฉันโอเคคือช่วยขับรถมารับ-มาส่งตอนเข้าไปประชุมในเมือง ตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่านอกจากไม่มีใครรู้ว่าฉันทำอะไรเหนื่อยๆ ในเบื้องหลังแล้ว ก็ยังเหมือนจะฝากให้ช่วยโน่นช่วยนี่เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ อีก
ปิดทองลงหลังพระ
เพื่อที่จะให้อร่าม
สิ่งใดใครมองข้าม
อย่านึกย่ามชะล่าใจ
สิ่งที่ดีในชีวิตคือ เจ้าน้องชายตัวดีที่ในสายตาหลายๆ คนอาจจะมองเค้าว่าเป็นเด็กเกๆ แต่ตั้งแต่ฉันเลิกกับแฟนและโหมงานหนักขึ้นเรื่อยๆ กลับกลายเป็นคนแสนดีจนน่าประหลาดใจ เวลาฉันไปสอนหนังสือ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม (ต้องขอออกจากบริษัทตั้งแต่ 5 โมงเย็น) น้องชายก็ขับรถมารับเอาของหม่ำๆ มาให้ทานบนรถให้พอท้องอิ่ม แล้วก็นั่งรอสามชั่วโมง (เอาหนังสือกฏหมายมานั่งอ่าน) จนฉันสอนเสร็จเหนื่อยๆ แล้วก็ขับรถพาฉันกลับบ้าน (รวมๆ แล้วคือเจ้าน้องออกจากบ้านตั้งแต่ 4 โมงครึ่งแล้วก็กลับบ้านอีกทีก็ 4 ทุ่ม) พอบอกว่าไม่ต้องก็ได้ น้องก็บอกว่าเห็นฉันเหนื่อย เวลาฉันไปประชุมในเมืองหรือจะไปซื้อของ ทำธุระอะไรหลังๆ ก็จะอาสาขับรถให้เสมอๆ (เพราะช่วงนี้ฉันมีปัญหาคือ เวลาขับรถยกแขนขวานานๆ แขนจะชาๆ เลยไม่ค่อยชอบขับรถเท่าไรนักนอกจากจำเป็น)
ทำดีคงได้ดี
ไม่ชาตินี้ก็ชาติไหน
อย่าท้อทอดถอนไป
ยามที่ไม่ได้สิ่งดี
ยิ้มเอยเย้ยชีวิต
หากลิขิตมาใช้หนี้
กรรมเก่ายากหลบหนี
สิ่งไม่ดีเพียงผลกรรม
เลิกถามว่าทำไม
ที่หัวใจไยถูกย่ำ
ก็เพียงเรื่องชวนขำ
พาดื่มด่ำอนัตตา
ลวดลายพรายระยับ
บุราณทรัพย์นับเลิศค่า
สืบทอดผ่านเวลา
ให้พบพาภาษาธรรม
Create Date : 10 มกราคม 2552 |
Comments