ยลหมอก
หยอกเย้า
เคล้าแสงจันทร์
นานแล้วที่ไม่ได้นอนกลางดิน กินกลางทราย การมีชีวิตอยู่ในตัวเมืองนั้นทำให้คนเราใช้ชีวิตหรูหราน่าดู ที่นอนนุ่ม ห้องแอร์อุณหภูมิพอดีๆ เงียบสงบ ห้องน้ำสะอาดๆ ฯลฯ มักจะทำให้คนเราห่างไกลธรรมชาติขึ้นเรื่อยๆ พอได้ออกมาลองลุยๆ เล็กๆ (แต่ก็ยังสบาย) ซะบ้างก็ทำให้รู้สึกดีไปอีกแบบ
หลับฝัน
พลันตื่น
ฟื้นเห็น
เล่าเรื่องเดินทางต่อ... พอคืนนั้นหลังจากสนุกสนานกับบรรยากาศเขาค้อ พวกเราก็เดินทางต่อไปพิษณุโลก เพื่อไปวนอุทยานภูหินร่องกล้า ตอนแรกพวกเราคิดจะไปภูทับเบิก แต่รถตู้ที่เหมาไป ขึ้นไม่ไหว (เครื่องดับเวลาขึ้นเขากันเลยทีเดียว!) คนขับรถตู้ไม่กล้าเสี่ยง พวกเราก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแผนกันตามความเหมาะสม
ถึงโลก
โศกหรือ
คือเป็น
ก็เลยได้ไปออกกำลังกายเดินขึ้นๆ ลงๆ เขาหลายกิโล ดูลานหินแตก กังหันลม น้ำตก ลานหินปุ่ม ผาชูธง ฯลฯ ให้รู้สึกชีวิตได้ผจญภัย (ในยามที่ยังมีแรงอยู่) ทำให้ได้ไปเห็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่ไม่เคยได้พบเห็นที่นี่ด้วย (เหมือนมานั่งปฏิบัติธรรมทำบุญกันอยู่ตามภาพด้านบน)
ร้อนเย็น
เช่นไหน
ไยคลาย
ออกกำลังกายแบบนี้สนุกกว่าการไปเดินบนลู่วิ่ง หรือ ปีนเขาจำลองไปดูทีวีหรือมิวสิกวีดีโอไปในฟิตเนสเป็นไหนๆ ที่แปลกคือฉันไม่เหนื่อยเลย ทั้งๆ ที่คุณหมอบอกว่าปีนี้ฉันความดันต่ำผิดปกติ (ค่าที่สูงสุดไม่ถึงร้อย) ให้ระวังหน้ามืดเป็นลมเพราะเลือดไปเลี้ยงโน่นนี่ไม่ทัน (ขำๆ คือแอบสังเกตตัวเองพบว่าความดันจะต่ำผิดปกติค่าไม่ถึงร้อยตอนอกหัก ครั้งแรกก็เป็นแบบนี้ปีนี้ก็เป็นอีกครั้ง หรือว่าสภาพการสูบฉีดของหัวใจคนเรามันอ่อนแอไม่แข็งแรงไปตามสภาพจิตใจได้จริงๆ นะ? ปีหน้าต้องกลับมาปกติให้ได้ สู้ๆ)
มองไป
ให้สุด
หยุดฟ้า
ภาพด้านบนคือน้องไกร น้องชายแสนใจดี (ในช่วงนี้) คือมีหน้าที่เป็นตากล้องให้ฉัน เลยโชคร้ายต้องคอยเดินตามพี่สาวแสนซนที่วิ่งไปโน่นไปนี่ไม่สนใจน้องชายที่ดูเหน็ดเหนื่อย เช่น... อ๊ะ จุดชมวิวปีนขึ้นไปดู (จะได้ถ่ายรูปสวยๆ) กันเถอะ ฯลฯ
น้ำตา
พาพร่าง
จางหาย
ไม่รู้ว่าบรรดาลูกน้องฉันจะแอบระอาหัวหน้าผู้แสนซุกซนคนนี้หรือไม่ นอกจากจะทำตัวเป็นเด็กๆ (สมวัยตามอายุชีวภาพ เพราะสภาพกระดูก กล้ามเนื้อ ผิวหนัง การเผาผลาญอาหาร ฯลฯ ตรวจออกมาว่ายังอายุแค่ 23 อยู่ อิอิ) เลยวิ่งเล่นไปมาปีนโน่นปีนนี่บ้าง กินเก่ง เล่นเกมส์ Wii กับน้องๆ บ้างอย่างสนุกสนาน (เนียน) การมาเที่ยวแบบนี้ทำให้ลดช่องว่างลง (เวลาอยู่บริษัทเหมือนคนจะกลัวๆ กันเพราะดูเหมือนจะเป็นใหญ่เป็นโตระดับนึง)
พบพราก
จากดู
รู้กาย
ไม่วาย
พ่ายพบ
นบกรรม
แล้วแหงนหน้ากล้าสู้กู้ชีวิต
มองลิขิตสิทธิ์ตนอย่างปนขำ
แม้ถูกสาปให้เจ็บช้ำเพียงรู้จำ
อย่าปล่อยทำร้ายเกินจะเดินไป
สุขและทุกข์เปลี่ยนไปตามวิถี
จะยึดมีถือไว้หาได้ไม่
ด้วยหลักธรรมย้ำยิ่งสิ่งแปรไป
อย่าหลอกใจให้จมระทมตรอม
มองให้พ้นม่านหมอกที่หลอกรู้
แล้วยลดูภาพกระจ่างพลางถนอม
จิตเดิมแท้แน่พิสุทธิ์หยุดปนปลอม
จึงรู้น้อมยอมกรรมพร้อมทำใจ
ฉันจะเดินไปแล้วจากตรงนี้
เพื่อให้มีวันข้างหน้าขึ้นมาใหม่
ภาพอดีตกรีดเจ็บเก็บลงไป
ปล่อยวางไปให้เป็นเช่นที่ควร
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2551 |
Comments