Skip to main content

San Fran #1


มาเยือนอยู่ทุกปี
จนมีความอบอุ่น
ที่เก่าเราเคยคุ้น
เป็นทุนของชีวิต



คิดๆ ไปแล้วเรื่องทั้งหมดอาจเริ่มจากเมื่อสิบกว่าปีก่อน มีรุ่นพี่คนหนึ่ง บอกว่าถ้าอยากกลับมาที่นี่อีก ให้ทิ้งเหรียญหนึ่งเซ็นต์ไว้ที่สนามบิน แล้วจะได้กลับมา ตอนนั้นฉันจำได้ว่า ฉันก็ลองทำดู ด้วยความสนุกกับชีวิตหลายเดือนที่ San Jose ไม่น่าเชื่อว่า สนามบิน San Fran เลยเป็นสนามบินที่ฉันมาเยือนบ่อยเกือบที่สุด (รองจากสนามบินเมืองไทย กับอังกฤษ) อีกแห่งหนึ่งไปเลยเพราะช่วงหลังๆ พบตัวเองว่ามีงานทำให้ต้องมาแถวๆ นี้ทุกๆ ปี


เที่ยวชมวิวทิวทัศน์
ภาพชัดชมชื่นจิต
ไม่เปลี่ยนเลยสักนิด
พาคิดถึงวันวาน



ลืมบรรยายภาพไป... ภาพบนสุดเป็นวิวเมือง San Fran จาก Twin Peaks ภาพแรกแสดงถึงทางรถขึ้นที่คดเคี้ยว แต่จริงๆ ถ้าขับขึ้นมาก็ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ (ทางหลวงหมายเลขหนึ่งที่ริมทะเลบางช่วงแอบน่ากลัวกว่าเพราะเป็นเหวๆ)... ภาพที่สองเป็นมุมที่มองเห็นทะเลหมอกและสะพาน Golden Gate อยู่เล็กๆ... ภาพที่สามเป็นตึกสีสดสไตล์ Victorian (แต่ตอนไปเห็นจริงๆ คิดว่าที่อังกฤษสวยกว่าอ่ะ แต่แปลกถ่ายภาพมาที่นี่ดูดีกว่า อืม อืม) ส่วนภาพด้านบนและด้านล่างของข้อความนี้คือบริเวณ Civic Center Plaza (บน: รูปปั้นคุณ James Lick, ล่าง: City Hall)


มองยลชมฟ้าคราม
งดงามเกินเล่าขาน
สวยใสหาใดปาน
ชื่นบานในอารมณ์



ปีนี้ The Palace of Fine Art บูรณะใกล้เสร็จแล้ว (แต่ก็ยังปิดอยู่ T_T) แต่ก็ดีกว่าตอนที่มาเมื่อปีที่แล้วที่มีแต่ฉากล้อมอยู่รอบๆ คราวนี้เลยได้เดินดูน้องเป็ด น้องหงส์ และ ชมคู่แต่งงาน (ประมาณ 7 คู่) ที่มาถ่ายภาพสวยๆ รอบบริเวณ เช่นภาพข้างบน (แต่ขำๆ ว่ามาแถวนี้ทีไร เจอแต่คู่แต่งงานทุกที)... ส่วนภาพด้านล่างคือภาพจาก South view's visitor area ของสะพาน Golden Gate (ถ่ายรูปมุมเดิม แต่คราวนี้หมอกมากขึ้น)


เมฆหมอกพัดผ่านไป
ฟ้าใสสวยสุขสม
กลับมาให้ชื่นชม
รื่นรมย์กับคืนวัน



คราวนี้ได้ไปชมตึก Transamerica Pyramid ใกล้เข้าไปหน่อย ตึกนี้เป็นตึกที่สูงที่สุดใน San Fran... ปกติเวลาชมวิวไกลๆ ก็จะเป็นเหมือนเห็นสัญลักษณ์ของย่านธุรกิจของ San Fran... ภาพด้านบนถ่ายมาขำๆ เพราะมีโปสเตอร์นิทรรศการเกี่ยวกับ Bhutan ที่ Asian Art Museum แขวนอยู่ ทำให้เห็นถึงความทันสมัยและความสนใจเรื่องราวเก่าๆ อยู่ด้วยกันดูเก๋ดี


หยุดเถิดนั่งลงตรอง
ยลมองความเปลี่ยนผัน
ดีร้ายทราบเท่าทัน
จักพลันพบปรีดา



ปิดท้ายด้วยภาพจากโรงแรมที่ไปพัก คือ Sheraton at Fisherman's Wharf โรงแรมหรูหราทันสมัยที่อยู่บริเวณแถวๆ Pier 39 ข้อเสียของการมาพักที่หรูๆ คือ อะไรๆ ก็แพง เช่นเล่น Wifi ก็ต้องเสียเงิน ทั้งๆ ที่โรงแรมที่ราคาย่อมเยากว่ารอบๆ ให้เล่นได้ฟรี ค่าจอดรถก็แพง วันท้ายๆ นัดเพื่อนเก่าที่ทำงานอยู่แถวๆ นี้ไปทาน Dinner กัน เลยต้องให้เพื่อนไปจอดรถข้างนอก โรงแรมเพราะถูกกว่ามาก แต่รวมๆ แล้ว โรงแรมก็น่ารักสะอาดสะอาดสดใสดีเหมือนกัน


ท่องเถิดท่องเที่ยวไป
จนไกลแทบสุดหล้า
กลับพบภาพจับตา
ให้ค่ายามจับใจ





Create Date : 05 มิถุนายน 2552

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...