Skip to main content

Melbourne #2


ยามราตรีสีสันพลันบรรเจิด
งามเลอเลิศเพลินตาดั่งห้วงหาว
แสงไฟส่องสว่างจ้าท้าดาดาว
ระยิบพราวราวฟ้ายามราตรี



ชุดที่แล้วเป็นภาพเมลเบิร์นตอนกลางวัน ส่วนชุดที่สองนี้คือเมลเบิร์นยามค่ำคืนในวันสุดท้ายก่อนบินกลับหลังจากอยู่เมืองนี้มาได้เกือบอาทิตย์ ภาพด้านบนสุดเป็นภาพวิวตัวเมืองเมลเบิร์นสะท้อนกับ Yarra River เมื่อมองจาก Alexandra Gardens ส่วนภาพด้านบนเป็นภาพของ Visitor Center กลาง Federation Square และด้านล่างเป็นภาพ House Salad ในผับที่พวกเราไปฉลองกันในคืนก่อน Good Friday


ที่เมลเบิร์นผู้คนมากมายนัก
เหมือนรู้จักทักทายแต่งแต้มสี
แลกรอยยิ้มพิมพ์ใจไว้ไมตรี
ให้ได้รู้สึกดีดีที่เมลเบิร์น



เวลาเดินเล่นในออสเตรเลีย บรรยากาศหลายๆ อย่างนั้นจะคล้ายๆ กับตอนที่ฉันอยู่ที่อังกฤษ ภาพด้านบนเป็นที่จอดจักรยาน ฉันเห็นแล้วนึกถึงภาพของฉันสมัยที่เป็นนักเรียนที่อังกฤษที่ขี่ัจักรยานเป็นประจำแทบทุกวันในเมืองเคมบริดจ์ ส่วนภาพด้านล่างเป็นภาพด้านในสวยๆ ของวิหาร St Paul's Cathedral


ความทรงจำนำใจให้คิดถึง
หวนคะนึงถึงวันระหกเหิน
ออกไปเรียนเพียรรู้คู่เพลิดเพลิน
เป็นทางเดินงดงามความทรงจำ



กลบทที่ใช้ในบทกวีประกอบ Blog นี้เป็นแบบงูกินหาง คือกลอนแปดแบบท่อนขึ้นต้นกับลงท้ายสามคำจะซ้ำๆ กัน (แต่งเล่นๆ เพราะฉันอยากจะสนุกสนานเฮฮาเวลาเขียน Blog ไปแต่งบทกวีท้าทายตัวเองไป เพราะหลังๆ แต่งบทกวีเรื่อยๆ แบบไม่ได้เล่นอะไรมาหลายอัน)อธิบายบทกวีเสร็จก็ขอบรรยายต่อ ภาพข้างล่างเป็นภาพ Flinders Street Station ในห้วงเวลาก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน


ระบายใจใส่ฟ้าเวหาหาว
ระวิพราวลาฟ้าพาดื่มด่ำ
แสงเรืองรองลับแล้วหมดถ้อยคำ
เพราะพลบค่ำนำหมายระบายใจ



สำหรับฉันแล้ว ฉันรู้สึก(ไปเอง)ว่าในเมืองที่มีสถาปัตยกรรมแบบโบราณ เวลาพระอาทิตย์ตกดินจะดูสวยงามมีความหมายอย่างบอกไม่ถูก ฉันไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักว่าทำไมถึงชอบอะไรเก่าๆ อาจจะเป็นเพราะฉันเป็นพวกอนุรักษ์นิยมหน่อยๆ หรือเป็นเพราะเป็นนักเรียนเก่าอังกฤษที่เรียนที่มหาลัยเก่าๆ แบบเคมบริดจ์นิดๆ ฉันถึงได้ชอบบรรยากาศแบบโบราณๆ แนวเมืองมรดกโลกหรือพวกพิพิธภัณฑ์กระมัง ภาพด้านบนเป็นภาพ St Paul's Cathedral ส่วนภาพด้านล่างเป็นภาพ Flinders Street Station


ชมความงามตามใจในชีวิต
แต่งแต้มจิตตามใจที่สั่นไหว
จนรู้นิ่งทิ้งลอยปล่อยวางไป
มองเมืองใหญ่เพียงภิรมย์ชมความงาม



เวลามีอะไรมากระทบใจ ผู้คนอาจจะสั่นไหวกระเพื่อมได้ในระรอกแรก เหมือนเวลาหินกระทบกับน้ำ แต่พอเวลาผ่านไปทุกอย่างก็จะกลับมาสงบลงได้ดั่งเดิม เวลาเห็นภาพอะไรคล้ายๆ กับภาพเก่าๆ ที่เคยเห็นก็เช่นกัน อาจนำความคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ กลับมาได้ในช่วงแรกแล้วความรู้สึกตัวก็จะกระซิบว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วและเราก็จะยิ้มได้ไปกับมัน ว่าแล้วก็บรรยายต่อว่าภาพด้านบนเป็นภาพจากจุดพักของ Princes Bridge ถ่ายกลับไปในตัวเมืองให้เห็น The Ian Potter Center สีชมพูๆ ที่อยู่ด้านล่าง ส่วนภาพข้างล่างเป็นภาพ Foot Bridge เก๋ๆ ที่เชื่อมระหว่าง Southgate กับ Flinders Street Station


แค่ผ่อนคลายหมายใดไม่ยึดหวง
รู้เงาลวงจึงทราบหยุดทวงถาม
ปล่อยอัตตาตัวตนปนนิยาม
ก็ยิ้มตามความแท้แค่ผ่อนคลาย





Create Date : 16 มิถุนายน 2554

Comments

Popular posts from this blog

Dubai

  เมืองใน เขตร้อน ทะเลทราย สมัยก่อนเคยมา Dubai เร็วๆ แวะตอน Transit แต่ไม่ได้มีเวลาเที่ยวละเอียด คราวนี้เลยลองมา Dubai แบบยาวๆ หน่อย เลยทำให้มีเวลาดูอะไรๆ มากขึ้น ภาพแรกด้านบนคือย่านตลาดเก่า Heritage Village ที่ขายของท้องถิ่นเชิงวัฒนธรรม ภาพที่สองด้านบนคือภาพสถานีรถไฟฟ้าทันสมัยที่สามารถเดินทางได้สบายด้วยบัตร Nol Card (ซื้อได้ด้วยบัตรเครดิต) ส่วนภาพด้านล่างคือป้ายรถเมล์ทันสมัยติดแอร์เย็นๆ เดิดูปลอดภัยมากๆ สร้างจน กลับกลาย เป็นสวรรค์ ภาพข้างบนคือภาพข้างในรถเมล์ที่นอกจากจะนั่งสบายแอร์เย็นฉ่ำๆแล้ว ยังบอกละเอียดว่าตอนนี้อยู่ป้ายรถเมล์ไหน กำลังจะไปไหนและคาดว่าจะถึงที่ไหนในอีกกี่นาทีเป๊ะมากๆ (ยังไม่พอคือเชื่อมข้อมูลกับ App ได้เป๊ะมากๆ ดูรถเมล์รออะไรๆ คือเดินทางสบายระดับหนึ่ง) – ภาพข้างล่างคือไปเยี่ยมชม Museum of the future เมื่อคน ตั้งใจ ร่วมมือกัน ภาพข้างบนคือหุ่นยนต์ผลิตน้ำหอมใน Museum of the future / ส่วนข้างล่างคือลองแวะไปใช้บริการสปา ของ ร.ร. Armani ที่อยู่ข้างในตึก Burj Khalifa ที่สูงที่สุดในโลก เป็นสปาที่ หรูหราอลังการ สบายมากๆ (ไม่ได้ถ่ายรูปข้างในเพราะพอเข้าไปก็เอามือถือไปเก็บในล็...

ภูเก็ต - Day 1

ระยะทาง... เป็นห้วงห่างสร้างความหมาย ผ่อนอารมณ์พอระบาย จนยิ้มง่ายกับชีวิต วันหยุดอาทิตย์ก่อน ไปภูเก็ตมา นับเป็นการเดินทางไปเยี่ยมดินแดนไข่มุกอันดามันอันลือชื่อเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฟังเพื่อนๆ ชาวต่างชาติมาชื่นชมให้ฟังถึงความงดงามของที่นี่มานาน การเดินทางคราวนี้จุดหมายหลักคือมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย (ทั้งคู่) ทำให้เพื่อนๆ ที่สนิทกันสมัยวิศวะเกษตรกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เสียดายที่หลายๆ คนมาไม่ได้จึงมีเพื่อนๆ ร่วมรุ่นมาร่วมขบวนการกันอยู่เพียง 4 คน... โชคชะตา... แม้ฝืนกล้าท้าลิขิต ลวงเวลามาเป็นมิตร ก็เพียงจิตคิดห่างไกล วันแรกที่มาถึงพวกเราก็ลงขันเช่ารถกัน จุดหมายแรกคืออุทยานแห่งชาติสิรินาถแป๊บนึงแล้วก็ขับเข้าเมือง หลงทางกันพอควรทำให้พลาดสถานที่ที่ตั้งใจเที่ยวไป แล้วก็หิวตาลายหาข้าวเช้าติ่มซำกินกันแล้วก็เดินเล่นเล็กน้อยในตัวเมือง เสร็จแล้วก็ตรงไปยังที่พัก งานนี้ต้องขอบคุณติ๊ก เพื่อนผู้น่ารักที่เคยไปเรียนปริญญาโทที่เคมบริดจ์รุ่นเดียวกันกัน ที่เอื้อเฟื้อจัดหาสถานที่ให้ ที่พักเป็นโรงแรมสีขาวสะอาดสะอ้านชื่อ rawai beach resort ที่หาดราไวย์... สายลมร้อน... มิอาทรตอนอ่อ...

Rome

ภาพเก่าเงาสะท้อน ให้มองย้อนถึงวันวาน ความหลังอันหอมหวาน จึงจดจารลงทรงจำ กรุงโรมประเทศอิตาลี เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ฉันใฝ่ฝันมานานว่าจะได้มาซักครา และแล้วในที่สุดก็ได้มา เมืองนี้เป็นเมืองที่มีอะไรเยอะมาก ฉันถ่ายรูปมาหลายร้อย และคัดรูปมาลงเพียงสิบกว่าภาพ มีหลายภาพที่คัดมาแล้วตัดออกด้วยความเสียดาย -- เพราะก็ไม่อยากทำ blog ด้วยภาพเยอะนัก :) ภาพงามความตรึงใจ ยังสวยใสให้ดื่มด่ำ จนต้องมาเพ้อพร่ำ ใส่ถ้อยคำ... จารกวี ภาพด้านบนสุดเป็นภาพวิวริมแม่น้ำไทเบอร์ตอนพระอาทิตย์ตก ภาพถัดลงมาเป็นอาหารเย็นของที่นี่ ภาพถัดลงมาเป็นวิวสระน้ำของโรงแรมที่มองเห็นได้จากหน้าต่าง และภาพด้านบนคือ Colosseum หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันอยากมากรุงโรม @^_^@ สูงส่งเกินบรรยาย สื่อความหมายสร้างศักดิ์ศรี สร้างสรรอย่างพอดี ให้คนมีความทรงจำ หินที่สร้างขึ้นมาเป็นโครงดูแล้วเริ่มผุกร่อนเป็นหลุมๆ ลงไป (ดั่งภาพด้านบน) มีการบูรณะก่อสร้างบ้าง แต่ก็ต้องทึ่งว่าสมัยก่อนชาวโรมันคงยิ่งใหญ่มาก ขนาดสร้างสนามกีฬาใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมาได้ น่าเสียดายที่อาณาจักรที่ยิ่งให...