๏ โคลงสามสุภาพพร้อม………… ก็น้อมเขียนแต่งไว้
เยือนญี่ปุ่นดุจใกล้…………………. เพื่อให้ตามฝัน

สิ่งนึงที่ทำให้ตัดสินใจไปญี่ปุ่นอีกครั้ง ก็เพราะคราวที่แล้วซื้อตั๋วรถไฟไปเมืองฮิเมจิแบบอยากไปดูมรดกโลก Himeji-jo – UNESCO World Heritage Site, Date of Inscription: 1993 นี้ แต่รถไฟมีปัญหาเลยทิ้งตั๋ว รอบนี้เลยมาใหม่ โดยคราวนี้ซื้อ JR-West Rail Pass แทนการซื้อตั๋วทีละเที่ยว ซึ่ง flexible ในการเปลี่ยนแผน (เผื่อมีเหตุอีก) /แต่คราวนี้ราบรื่นดี

๏ ชมฮิเมจิแล้ว………………………. เพริศแพร้วงามเช่นนั้น
สมค่ามรดกชั้น……………………….. โลกขั้น งามตา

ปราสาทฮิเมจิ สมกับที่ได้มรดกโลกจริงๆ ใหญ่โตมากๆ มองด้วยตาจะโดนหลอกว่าเหมือนมี 5 ชั้น แต่จริงๆ คือสูงเท่ากับตึก 14 ชั้น เป็นป้อมปราการที่มีจุดหลอกตาถ้ามีใครมาโจมตีเยอะมาก ฐานเป็นโครงสร้างหิน ส่วนตัวปราสามข้างในขึ้นด้วยไม้ขนาดใหญ่ๆ เป็นโครงแข็งแรง ยืนหยัดเป็นปราสาทสำคัญนานถึงสามร้อยกว่าปีจนระบบโชกุนล่มสลายเลยคืนพื้นที่แล้วชาวเมืองฮิเมจิก็ประมูลปราสาทแห่งนี้ไว้ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว

๏ ออกแบบได้ซับซ้อน………………………. วนย้อนวงกตท้า
ยืนหยัดดุจผู้กล้า………………………………. รอดพ้น โจมตี

ค่าเข้า 1,000 เยน มีตั๋วแบบถ้าเดินทางมาด้วย pass รถไฟ จะได้ลดราคา 20% เหลือ 800 เยน (โดยต้องไปคุยกะเจ้าหน้าที่) ข้างในปราสาทเย็นสบายมาก ขณะที่ข้างนอกแดดออกร้อนสุดๆ การออกแบบดึงลมเข้าหน้าต่างหลายบาน และโครงสร้างไม้ทำให้ลมพัดเข้าไปเดินชมได้แบบเย็นสบายเป็นธรรมชาติ บันไดแต่ละชั้นชันมากเพราะเพดานสูง

๏ รับนักท่องเที่ยวมา…………………………. ชมค่าระดับนี้
ให้โลกได้ชมชี้…………………………………. ชื่นแล้วในทรวง

ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทมรดกโลกที่โครงสร้างจริงที่รับน้ำหนักปราสาทเป็นไม้ โดยทักษะการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมงานไม้ของญี่ปุ่นนี้ก็ได้มรดกโลกด้วยเช่นกัน (Traditional skills, techniques and knowledge for the conservation of wooden architecture in Japan – UNESCO Intangible World Heritage, Date of Inscription: 2020) การไปครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ข้างในปราสาทฮิเมจิเป็นไม้ขนาดใหญ่มั่งเล็กมั่ง เย็นสบายขนาดเปิดหน้าต่างทุกบานแบบข้างนอกก่อนเข้าปราสาทคือร้อนมาก เค้าให้ถอดรองเท้าใส่ถุงถือเดิน เลยได้เดินเท้าเปล่าเลย พื้นสะอาดเย็นสบายเดินแล้วรู้สึกดีสุดๆ ส่วนสูงของปราสาทนี้คือเท่ากับตึกสมัยนี้ 14 ชั้น แต่ละชั้นก็มีชั้นซ่อนข้างใน โดยค้ำจุนด้วยโครงสร้างไม้ทั้งหมด ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านแผ่นดินไหวใหญ่ที่เมืองฮิเมจิรอบๆ เสียหายหนัก ผ่านการโดนทิ้งระเบิดใส่ตรงๆ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ก็ยังยืนยงคงอยู่มาได้กว่าเจ็ดร้อยปี (ปราสาทฮิเมจิเริ่มสร้างศตรรษที่ 13)

๏ งานไม้แต่โบราณ…………………………… ตำนานสายลับล้วง
ผ่านยุควิกฤติห้วง……………………………… รอดพ้น โดยดี

การเยี่ยมชมปราสาทนี้จะมีการอธิบายกระบวนการสร้างปราสาทด้วยไม้ให้ดูด้วย ที่ได้มรดกโลกด้านนี้เพราะญี่ปุ่นมีหลักฐานการจัดการอนุรักษ์โครงสร้างไม้ที่ดี ตั้งแต่การใช้ไม้แข็งๆ เช่นเสา/ขื่น/คาน จนถึงการใช้ไม้ไผ่อ่อนๆ ที่เอามาสานเป็นเสื่อทาทามิ ผนัง ประตู หน้าต่าง ในหลายๆ อาคารโบราณแล้วอนุรักษ์ให้อยู่มาได้หลายร้อยปี

๏ ชมวิวจากมุมสูง……………………………. จูงใจไปหมื่นลี้
ตรองตรึกถึงภาพนี้……………………………. รื่นล้น ท้นใจ

ด้วยความที่เส้นทางเข้าปราสาทฮิเมจิเป็นเหมือนภูเขาวงกต เลยมีบริเวณรอบๆ เป็นแนวกำแพงเมือง ป้อมปราการ และ ต้นไม้ในสวนรอบปราสาทลดหลั่นกันตามแนวเขาที่ร่มรื่นเขียวขจีไปด้วยต้นไม้ใหญ่ พอชมปราสาทเสร็จฉันก็ไปเดินเล่นรอบๆ ปราสาทอ้อมไปทางด้านหลัง ก็ได้เห็นวิวสวยๆ แบบภาพข้างบนและข้างล่างๆ

๏ สีเขียวช่างร่มรื่น…………………………… สดชื่นยามชิดใกล้
ดั่งป่าผืนใหญ่ไซร้……………………………. ช่างให้ ใจสราญ

ด้านหลังปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ Himeji City Meseum ที่ได้ลงในหนังสือนำเที่ยวของมิชลิน เลยแวะไปดู (ตามภาพข้างล่าง) เป็นอาคารยาวๆ หลายอาคารสร้างด้วยอิฐสีแดง สมัยก่อนเคยใช้เป็นฐานบัญชาการกองทัพในสมัยสงคราม และเคยใช้เป็น City Hall ต่อมาอีกนานหลายปีก่อนจะปรับเปลี่ยนให้มาเป็นพิพิธภัณฑ์ (ตามภาพด้านบน) / ส่วนภาพด้านล่างเป็นวิวปราสาทฮิเมจิที่มองเห็นได้จากสถานีรถไฟฮิเมจิ เดินตรงๆ ไปดึงปราสาทใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที

๏ ร่องรอยความบุราณ…………………….. กล่าวขานบอกเล่าไว้
เป็นเรื่องเป็นราวให้………………………… ชิดใกล้ กาลเวลา


Comments