Skip to main content

เรื่องราวของวาริน


"ดาวจ๋า วันนี้ฟ้าสวยดีนะ ดาวเห็นท้องฟ้าไหม?" วารินส่งเสียงไปตามสาย
"ท้องฟ้ามันก็เหมือนเดิมน่ะแหล่ะ เห็นฟ้าสวยแบบนี้ มีอะไรพิเศษเหรอ?" ดาวถาม
"รู้ทันอีกแล้ว วันนี้อารมณ์ดีน่ะ ก็เกรดที่ออกคะแนนมันดีมากเลย" วารินตอบ
"ก็เห็นรินเกรดดีทุกทีนี่นา" ดาวแซว

วันเปลี่ยนเวียนวนหมุนมา
ท้องฟ้าที่เคยสวยใส
กลับต้องมืดหม่นลงไป
ดุจดังเช่นไฟชีวิต

"เย้... สอบวันสุดท้ายแล้ว พวกเราไปฉลองกันเถอะ" ดาวชวน
"ไม่ไหวน่ะดาว รินยังไม่ค่อยสบายอยู่เลย... หายใจไม่ค่อยออก เจ็บๆ ปวดๆ เหมือนเคยน่ะ คงไปเที่ยวกับดาวไม่ไหว" วารินตอบ "รินกั๊กไว้รอสอบเสร็จมาตั้งหลายวัน เดี๋ยวเย็นนี้จะลองแวะไปหาหมอสักหน่อย"
"ไม่สบายมีกั๊กไว้รอสอบเสร็จได้ด้วย" ดาวแซวอีกเช่นเคย

---

"ทำไมคุณถึงอาการหนักอย่างนี้" อาจารย์หมอดูฟิลม์เอกซเรย์แล้วส่ายหัว "คืนนี้คุณเข้านอนห้อง ER ไปก่อนเลยนะ ปล่อยให้น้ำท่วมไปตั้งกว่าครึ่งปอดแล้ว คุยหายใจมาได้ยังไงกัน วันนี้เราต้องเจาะเอาน้ำออกให้ก่อนเลย"

- รถเข็นเริ่มเข็นผมไป ร่างกายที่เพิ่งเดินไปเดินมาเมื่อเช้าถูกพันธนาการ ความรู้สึกของผมก็เหมือนกำลังหมดเรี่ยวแรง ผมมองเห็นแสงไฟเพดานของโรงพยาบาลค่อยๆ เลื่อนไปช้าๆ แสดงว่าผมกำลังจะไปที่ไหนซักแห่งสินะ? เสียงอาจารย์หมอยังดังก้องอยู่ในหัวผม "เราพบก้อนเนื้อในปอดของคุณ ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นอะไร แต่คงต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่เป็นมะเร็งก็วัณโรค จะต้องตัดออกมาตรวจก่อน คุณใจเย็นๆ นะ สมัยนี้เครื่องไม้เครื่องมือดี ไม่ต้องกลัวหรอก"... ไม่ว่าสายตาของอาจารย์หมอจะใจดีแค่ไหน หัวใจของผมก็เย็นเฉียบด้วยความกลัวไปเสียแล้ว -

"รินๆ โชคดีแล้ว หมอบอกว่ารินเป็นแค่วัณโรค ไม่ใช่มะเร็ง รักษาหาย สองปีเอง ไม่ต้องกลัวนะลูก"

- วัณโรคก็โรคติดต่อสิครับคุณแม่... ผมไม่อยากเป็นเลย -

"ดาว... เราป่วยเป็นวัณโรค ไม่ต้องเจอกันบ่อยนะ เรากลัวดาวติด" วารินบอกดาวที่มหาลัยตอนแวะไปดูคะแนนสอบเทอมสุดท้าย
"ไม่เป็นไรหรอก ก็ไหนรินบอกว่าหมอให้กินยาทุกคืน ก็ไม่แพร่เชื้อแล้วไง เราไม่กลัวหรอก" ดาวให้กำลังใจ

- วันนี้แม้ท้องฟ้าจะดูมัวๆ หน่อย แต่ผมก็ยังเห็นมันยังคงสดใส -

= ครึ่งปีผ่านไป =

"แคก แค่ก"...
"คุณแม่ คุณแม่เป็นอะไรครับ ทำไมอาเจียนเป็นเลือด? หายใจเจ็บไหมครับ?... ไปหาหมอกันนะ" วารินกระสับกระส่าย มือเย็นเฉียบ เพราะเขารู้...

- คุณแม่อาการเหมือนผม... ท่านติดผม เพราะแอบมานั่งสมาธิ เฝ้าผมนอนข้างเตียง ทุกคืนทำไมผมจะไม่รู้ -

"คุณแม่คุณป่วยก็เป็นวัณโรค ไม่ต้องห่วงหรอก ทานยาอีกสองปีก็หาย... คงต้องให้ยาแรงหน่อยเผื่อเชื้อตัวนี้มันดื้อยา"
"ผมรู้ว่าอาการมันหาย แต่กว่าจะเลิกหายใจแล้วเจ็บ แล้วทรมาน มันต้องทนตั้งเกือบครึ่งปีนะครับคุณหมอ ไม่มียาอะไรบรรเทาได้แล้วเหรอ?"...
อาจารย์หมอยิ้มให้แล้วส่ายหน้า "ขอโทษด้วยนะ"...

- ถ้าผมเลือกได้ ผมขอเป็นมะเร็งให้เรื่องมันจบตั้งแต่ตอนแรกจะดีกว่า วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีแดงผ่านม่านน้ำตาของผม -

= สามเดือนผ่านไป (ประเทศไทยปี 97) =

"ฮัลโหล คุณแม่ครับตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" วารินโทรมาจากการไปทำงานต่างประเทศหลายเดือน
"สบายดีแล้วจะไม่เจ็บไม่ทรมาน... อืมแต่... ริน รินใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ ฟัง ตอนนี้บริษัทคุณพ่อปิดแล้วน่ะลูกเศรษฐกิจเมืองไทยไม่ค่อยดี" คุณแม่พูดแล้วหยุดไปแค่นั้น..."รายละเอียดเดี๋ยวแม่เล่าให้ฟังตอนลูกกลับมาเมืองไทย"

---

"บ้านไม่ใช่ของเราแล้วนะลูก... เงินที่เอาไปลงดาวน์เครื่องจักรจากเยอรมันถูกยึดไป เราไม่มีเงินซื้อต่อ ถ้าเราอยากได้บ้านคืน คงต้องผ่อนธนาคารออกมา"
"ปีนี้ผมทำงาน/ฝึกงานที่อเมริกาเก็บเงินมาได้แล้ว 2 แสน กับเงินเดือนอีกสองหมื่นกว่าๆ ผมยกให้หมดเลยพอไหมครับ?" วารินถามอย่างซื่อๆ
"แล้วพ่อจะใช้ให้นะลูก... เงินนี้คงพอผ่อนเป็นค่าดอกเบี้ยไปได้"

- สมองผม อื้อ อึง... ไม่ต้องคืนผมหรอกครับพ่อ ทำไม ทำไมความสามารถผมถึงหาเงินทองมาให้ที่บ้านได้น้อยนัก ถ้าผมไม่ป่วย ถ้าผมมีความสามารถมากพอที่จะเลือกทำงานหรือทำอะไรๆ ได้มากกว่านี้ ทุกอย่างมันคงจะดีขึ้น ทำไมท้องฟ้าวันนี้ไม่มีดาวเลย -

= สามเดือนผ่านไป =

"รินๆ ดาวได้ทุนไปเรียนอเมริกา" ดาวบอก
"ดีใจด้วยนะ รินยังรอผลทุนอยู่เลย"
"ดาวว่า รินไม่ค่อยจริงจังเรื่องหาทุนนะ รินอยากเรียนจริงๆ หรือเปล่า เราไม่เข้าใจรินจะอยากเรียนไปทำไมถ้าไม่ได้คิดจะเป็นอาจารย์"
"รินก็ไม่รู้เหมือนกัน รินอยากเรียน อยากทำให้ชีวิตตอนนี้มันดีขึ้น ดาวเห็นว่ารินอยากเรียนไปตามกระแสเหมือนเพื่อนๆ เหรอ?" รินถาม... "ดาวจะไปเรียนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวรินตั้งใจสมัครแล้วตามไปดีไหม? รินว่าถ้ารินพยายาม รินก็ทำได้นะ"
"เออ... ดาวว่าเราไปกันคนละที่ดีกว่านะ เดี๋ยวก็ติดกันเป็นตังเมหรอก เรียนด้วยกันมาตั้งสี่ปี แถมทำงานก็เจอกันบ่อยๆ เป็นปีแล้ว ดาวว่าพวกเราต่างคนต่างออกไปมองหาประสบการณ์ชีวิต แล้วเอามาแชร์กันดีกว่านะ" ดาวแนะนำ
"ดาวว่างั้นเหรอ... ก็ดีนะ รินก็ว่าดี"

- สำหรับผมท้องฟ้าที่มีดาว แม้ริบหรี่เพียงใดก็ยังดูสวยอยู่เสมอ -

= ครึ่งปีผ่านไป =

"ริน ดาวได้ยูแล้ว นี่ไง" ดาวบอก
"ดีๆ ยูที่ดาวเคยบอกว่าอยากไปด้วย รินจำได้... ตอนนี้รินก็ได้ทุนแล้วนะ เดี๋ยวรินสมัครตามดาวไปเรียนเทอมหน้าแล้วกันนะ"
"เออ... เออ... อย่าเลยริน พวกเราต่างคนต่างเรียนดีกว่า"
"พูดแบบนี้อีกแล้ว ทำไมเหรอดาว? เราไปที่เดียวกัน แต่ต่างคนก็ต่างเรียนรู้ชิวิตก็ได้เหมือนกันนี่" วารินสงสัย
"ดาวว่า เราต่างคนต่างไปหาประสบการณ์ตัวเองกันก่อนจะดีกว่า บางทีรินกับดาวอาจมีเส้นทางเดินของชีวิตไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็มันก็จะพากลับมาพบกันได้อีกนะ"
"อืม... ก็จริง" วารินรับคำอย่าง งง งง

= ครึ่งปีผ่านไป =

"ดาวๆ รินหายป่วยแล้ว ไม่ต้องทานยาอีก ต่อไปจะไปเจอได้บ่อยๆ ขึ้นละนะ ไปกินข้าวกันเถอะดาว"

----

"ขอโทษนะผมไม่ได้คุยมานาน วันนี้เครียดเลยมัวแต่มาบ่นปัญหาเรื่องหนี้สินที่บ้านให้ดาวฟัง แย่จัง เดี๋ยวคราวหน้ารินจะมาเล่าเรื่องสนุกๆ ให้นะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เออ... ดาวว่าพวกเราคบกันแบบเดิมก็ดีแล้วนะ จริงๆ หลังๆนี้ พวกเราคบกันเหมือนเพื่อนเลยนะ เจอกันจริงๆ เดือนละครั้งรินก็โอเคนี่นา อีกไม่กี่เดือนดาวก็ไปเรียนต่อแล้ว ดาวว่าพวกเราคบกันเป็นเพื่อนเฉยๆ กันดีกว่านะ ต่อไปดาวไม่อยู่ ถ้ารินเจอใครดีๆ รินคบได้เลยนะ ดาวว่าจริงๆ รินก็ไม่ได้รักดาวใช่ไหม?"
"..." วารินอึ้งไป

- ถ้าผมเลือกได้... ผมอยากป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่สองปีก่อน ท้องฟ้าวันนี้... ไม่มี ดาว -

= ครึ่งปีผ่านไป =

"รินเป็นไงบ้าง? ได้ยูอะไร" ดาวโทรมาถามจากอเมริกา
"รินจะไปอังกฤษนะ ยูอันดับหนึ่งเลย ดาวว่าไง? หรือดาวอยากให้รินไปอเมริกา เดี๋ยวรินจะสละสิทธ์ตามไปเลย" วารินส่งเสียงไปตามสาย
"ไปอังกฤษเหอะ ยูดีขนาดนั้นไม่เอาก็บ้าแล้ว รินไม่ต้องมาคอยตามดาวสิ ดาวอยากเห็นรินมีเส้นทางชีวิตของตัวเองบ้าง"
"อื้อ พูดเล่น รินไปอังกฤษก็ได้แหล่ะ" วารินพูดทีเล่นทีจริง
"ไม่ต้องรักษาสัญญาด้วยนะ" ดาวย้ำ
"สัญญาอะไร?" วารินแกล้งทำลืม
"สัญญาที่ดาวเคยขอ ว่าให้รอดาว จนดาวเรียนจบเอกไง ดาวขอคืน ลืมไปซะนะ ดาวอยากให้รินใช้ชีวิตออกจากกรอบสัญญาที่ล้อมรินเอาไว้"
"..."

= หนึ่งปีผ่านไป =

"ดาวเป็นไงบ้าง? รินจบโทคะแนนดีเลยได้ทุนต่อเอกฟรี เนี่ยเรียนสามปีเองรินก็จะกลับไปช่วยทางบ้านได้แล้ว" รินโทรไปหาดาวจากอังกฤษด้วยความดีใจ
"เหรอ.. ดาวดีใจกับรินด้วยนะ... อืมริน... รินไม่ต้องโทรมาหรอกนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ เถอะนะ"
"รินดีใจเลยโทรมา... ดาวมีใครแล้วเหรอ?"
"..." ดาวเงียบไป

---

email message: "I have someone in my mind".

- ท้องฟ้าที่อังกฤษปกติจะคล้ายๆ กับเมืองไทย มีสดใส มีมืดมัว แต่วันนี้ท้องฟ้าที่เห็นเป็นสีแดงผ่านม่านน้ำตาเหมือนวันที่ผมรู้ว่าคุณแม่ผมป่วยด้วยโรคร้ายเพราะผม ไม่มีผิด -

ท้องฟ้าสีแดงแรงจ้า
กรีดกล้าหยุดจิตปลิดฝัน
ใจตายกายคงลงมั่น
กัดฟันก้าวเดินต่อไป

"ริน แม่มีข่าวดีจะบอก ตอนนี้แม่หายแล้ว คุณพ่อได้งานทำ บ้านผ่อนได้แล้ว น้องยอมเข้ามหาลัยเรียน ทุกอย่างราบรื่นแล้วไม่ต้องห่วงทางบ้านนะ" คุณแม่เดินทางมาบอกถึงอังกฤษหลังจากครึ่งปีผ่านไป

ฟ้ามืดพลันเปิดอีกครา
น้ำตาล่วงหายไปไหน
ก็คงต้องปล่อยมันไป
คงไว้เป็นฝันวันวาน

= หนึ่งปีผ่านไป =

"เฮ้ย! รินไปเที่ยวกันเถอะ" กลุ่มเพื่อนซี้ที่มหาลัยใหม่ ชวนกันไปเที่ยว
"เมืองนี้มันไม่สวยเลย อุตส่าห์ขับรถมา" เพื่อนๆ บ่น
"เอาน่า... มันก็มีบางมุมที่สวยของมัน" วารินแก้ต่างให้กับเมือง
"เอาอีกละ ไอ้รินนี่ พูดอะไรก็ต้องมีข้อดีอยู่เรื่อยเลยนะ นิสัยนายสองอย่างที่แก้ไม่หายคือ ชอบยอมรับผิดเข้าตัวเองกับมองอะไรแง่ดีเกินจริง เช่นบอกว่าสาวๆ คนนั้นคนนี้สวย ไม่เห็นน่าเชื่อซักกะคน" เพื่อนบ่นอีก
"เออน่า มองอะไรๆ ในแง่ดีมันบ้าง จะผิดตรงไหนล่ะ?" วารินอธิบายเบื่อๆ เพราะขี้เกียจชวนเพื่อนทะเลาะ

- ก็ชีวิตผม มันผ่านอะไรร้ายๆ มามากพอแล้วนี่ อยากขอเห็นอะไรดีๆ บ้างจะได้ไหม? -

ท้องฟ้าก็คงเป็นท้องฟ้า
หลบหน้าเมฆหม่นไม่สดใส
หรือสว่างแสงสดสวยบาดใจ
จริงแล้วไซร้ขึ้นอยู่กับใจคน

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค

หัวหิน

" The best way to predict the future is to invent it. " -- Alan Kay โปรยปรายพรายพร่างฟ้า พริ้มเพราตาเกินหาไหน แพร้วเพริศประเสริฐใจ งามวิไลใฝ่เย็นบุญ วันก่อนไปประชุมประจำปีกับบริษัทที่หัวหิน ระหว่างทางแวะไปทำบุญบริจากข้าวของ ปล่อยปลา ปลูกพืชสมุนไพร ฯลฯ กันที่โรงเรียนเล็กๆ แถบชะอำ ภาพด้านบนเป็นถ้วยไอติมเรียงราย ถ่ายเล่นๆ ระหว่างรอตักแจกเด็กๆ ตกเย็นก็มาถึงโรงแรม Central Sofitel หัวหินจุดหมาย โรงแรมน่ารักสบายๆ เป็นแบบไทยๆ ตั้งอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยว ต่างไปจากการประชุมประจำปีที่แล้วที่ Evason ปราณบุรีที่ออกแนว Art แบบหมู่เกาะห่างไกลจากอะไรต่อมิอะไร ซึ่งมีข้อดีข้อเสียและบรรยากาศแตกต่างกันไป ร่มรื่นชื่นไทยแท้ ด้วยเก่าแก่แลเกื้อหนุน โอบล้อมห้อมการุณ จากวันวุ่นสังคมเมือง ห้องที่ได้พักเป็นห้องคู่แต่อยู่คนเดียว เสียดายที่ไม่ได้พาคุณแม่มาด้วย (เพราะเป็นวันเกิดคุณแม่) ด้วยความที่เข้าใจผิดว่าห้ามพาคุณพ่อ คุณแม่มาแบบปีที่แล้ว (ที่ให้มาคนเดียวหรือพาแฟน/ลูกมาได้ ซึ่งไร้นามยังไม่มีทั้งคู่เลยต้องฉายเดี่ยว) จริงๆ แล้ว อยากให้ที่บ้านได้มาพักผ่อนกันบ้างเหมือนกัน แต่ที่บ้านไร้นามไม่ค่อยชอบไปไห