กบน้อยเปิดกะลา
ออกค้นหาโลกกว้างใหญ่
มองชีวิตพินิจไป
เรียนรู้ไว้ให้เห็นจริง
สองอาทิตย์ก่อนฉันตัดสินใจ "บินเดี่ยวเที่ยวมะละกา" เพื่อไปดูเมืองมรดกโลกเมืองนี้ที่ประเทศมาเลเซีย เมืองแห่งนี้ฉันได้ยินชื่อเสียงมานานด้วยความที่ชอบอ่าน ชอบศึกษาประวัติศาสตร์มาแต่ยังเด็ก ที่ฉันมั่นใจว่าน่าจะไปคนเดียวได้เพราะฉันเคยบินไปทำงานที่มาเลเซีย (เมือง Penang กับ Ipoh) มาแล้ว เลยทำให้รู้ว่าการที่ผู้หญิงจะเดินทางลุยเดี่ยวเที่ยวมาเลเซียนั้นน่าจะไมีมีปัญหาอะไร [+ ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยลุยเดี่ยวประเทศแปลกๆ หลายประเทศเช่นตุรกี โปแลนด์ ฯลฯ]
ธรรมชาติสอนธรรมา
ให้ทราบค่าทุกทุกสิ่ง
ต่างโอบเอื้อช่วยพังพิง
สู่จุดนิ่งสิ่งเดียวกัน
ก่อนอื่นขอเขียนวิธีเดินทางก่อนเผื่อใครจะไปบ้างเพราะต้องมีเทคนิค(ที่ค้นได้จากเว๊ป)นิดหน่อย คือจากสนามบิน KLIA (Kuala Lumpur International Airport) ถ้าจะไปมะละกาเลยวิธีที่ง่ายและสบายที่สุดคือให้จองรถบัส Transnasional ทางอินเตอร์เน็ต เพราะที่ KLIA จะไม่มี counter จองรถไปมะละกา (จะมีที่ LCCT: Low Cost Carrier Terminal) และถ้าไม่ได้จองก่อนรถก็อาจจะไม่หยุดจอดที่ KLIA ให้/เวลาไปรอก็ต้องบอกคนแถวๆ นั้นที่หน้าตาอาจจะดุๆ แต่ใจดีให้ช่วยดูรถเรียกรถให้เพราะรถจะมาจอดเทียบซ้อนคัน แว๊บเดียว ~1 นาที โดยไม่เข้าซองชานชลาใดๆ และถ้าพลาดก็ต้องรอรถอีก 2 ชั่วโมง (^^') ราคาจองรวมค่าธรรมเนียมประมาณ 23RM (230 บาท) นั่งรถแอร์เย็นสบายๆ 2 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึงมะละกา
หากคุณยิ้มเขาก็ยิ้ม
ให้อุ่นอิ่มพริ้มภาพฝัน
เพียงเมตตาแลกแบ่งปัน
ที่ต่างนั้นก็หายไป
พอไปถึงท่ารถบัสที่มะละกา ก็จะมีคุณแท็กซี่หน้าดุๆ มารุมล้อมเต็มไปหมด แต่ฉันอาศัยทำหน้ายิ้มๆ จริงใจ ตอบไปว่า No thank you เค้าก็ใจดีไม่กวน มีคุณลุงแท๊กซี่คนนึงมาถามว่าฉันกำลังมองหาอะไรอยู่ด้วยภาษาอังกฤษชัดเจน (เพราะสถานีรสบัสใหญ่มาก) พอฉันบอกว่ากำลังจะหาที่ซื้อตั๋วไปกัวลาลัมเปอร์ไว้ล่วงหน้าเพราะกลัวว่าวันที่จะกลับจริงตั๋วจะหมด(ตามข้อมูลที่ค้นได้ทางเนต) เค้าก็บอกว่าฉันคิดถูกแล้วและบอกทางให้อย่างใจดีและแนะนำว่าให้เดินดูหลายๆ เจ้าก่อนเพราะราคาไม่เท่ากันแต่สภาพรถโดยรวมแล้วนั่งสบายพอๆ กันทุกคัน สรุปคือฉันเลยหารถบัสแอร์ VIP ได้เจ้าหนึ่งที่ขายตั๋วราคาเพียง 10RM (100 บาทเท่านั้น /มีหลายราคาตั้งแต่สองร้อยกว่าบาทลงมา) และสภาพรถเยี่ยมมากมีเบาะนั่งแอร์เย็นสบายแถวละสามเบาะแถมเอนนอนได้ >45 องศา (ตลอด 2 ชั่วโมงที่กลับกัวลาลัมเปอร์) โชคดีจริงๆ [วันกลับฉันลองเดินหาตั๋วหาประสบการณ์ พบว่าเต็มหมดจริงๆ ถ้าจะเอาแบบเร็วๆ ต้องขอซื้อต่อซึ่งขายเกือบเท่าตัว เพราะฉะนั้นใครมามะละกาถ้าจะกลับวันอาทิตย์แนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้า]
มีชีวิตเพื่อเรียนรู้
วางหลักดูชอบสิ่งไหน
แล้วก็ทุ่มเทลงไป
ใส่แรงใจให้พบทาง
วิธีเข้าเมืองมะละกาจากท่ารถบัส (ซึ่งอยู่นอกเมือง) นั้นง่ายมากคือเดินไปหลัง Bus Terminal หาช่องที่เขียนว่า Town Bus [ถามทางเค้าไปเรื่อยๆ ก็ได้คนมาเลเซียส่วนใหญ่ใจดีพูดภาษาอังกฤษชัดเจน] ถ้านั่ง Town Bus สีแดงจะเป็นรถแอร์ สีเขียวเป็นรถธรรมดา ทั้งสองแบบราคาเท่ากัน 1RM (~10 บาท) ฉันก็เลือกนั่งรถแอร์เพื่อความสบายในการเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงเพราะวันที่ฉันไปในเมืองฝนตกนิดๆ
ยิ้มเถิดยิ้มอิ่มใจอุ่น
ความการุณลดความต่าง
สิ่งวุ่นวายคลายปล่อยวาง
สร้างความว่างพลางสบาย
อะไรในมะละกาก็อยู่ใกล้ๆ กันเดินครึ่งวันก็เที่ยวบริเวณโบราณได้เกือบทั่ว ต้องขอขอบคุณการท่องเที่ยวมาเลเซียที่ใจดีจัดส่งคู่มือเที่ยวมะละกาเล่มเล็กๆ ที่มีแผนที่มาให้ฟรีๆ (หลังจากฉันลองเมล์ไปขอตามคำแนะนำของเพื่อนๆ ห้อง blueplanet) ฉันก็เลยเดินเล่นเก็บสถานที่ต่างๆ ตามคำแนะนำในหนังสือไม่ว่าจะเป็นการเดินขึ้นเขาไปดูโบสถ์ St. Paul และรูปปั้น Saint Francis Xavier จัตุรัสชาวฮอลแลนด์และอื่นๆ จนตกเย็นก็ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดิน Jonker Street ที่ฉันเดินเล่นถึงสามทุ่มครึ่งแล้วค่อยกลับโรงแรมก็ยังดูปลอดภัยดีเพราะมีคนเดินเต็มไปหมด (แต่ก็ต้องระวังตัว เพราะในทุกๆ ที่ก็มีทั้งคนดีและคนที่อาจมีความจำเป็นให้ต้องทำไม่ดีปะปนกัน) จริงๆ แล้วก็ต้องขอบคุณเพื่อนชาวมาเลย์ที่ฉันเจอบนเครื่องบินนั่งข้างๆ แล้วคุยกันที่บอกฉันว่าเดินดึกๆ ได้ไม่มีปัญหาและให้เบอร์โทรมือถือมา บอกว่าถ้ามีปัญหาอะไรให้โทรหา
พื้นฐานคนเหมือนเหมือนกัน
แบ่งเขตคั่นขีดความหมาย
สร้างกรงกรอบให้วุ่นวาย
ลืมเลือนหายสิ่งเดียวกัน
ฉันชอบความเสรี โดยเฉพาะเวลาเดินทาง การที่คนเราอยู่กับตัวเอง มักจะมีเวลาให้คิดในสิ่งที่ตัวเองค้นหาในเชิงลึก ฉันชอบศึกษาผู้คน วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ศิลปะเก่าๆ ฉันชอบอ่านประวัติผู้คนว่าเดินทางกันมาอย่างไร มีชีวิตมีทางเลือกอย่างไรและต่อไปจะไปกันที่ไหน (นอกเหนือจากวิชาการทางเทคโนโลยี บทกวี และ อื่นๆ <= สรุปแล้วฉันก็ยังงงๆ ตัวเองว่าชอบอะไรกันแน่ เพราะมีเรื่องที่ฉันชอบเยอะเหลือเกิน ^^') ฉันยังจำได้ว่าตอนเลิกกับคุณแฟนเก่าเพราะรู้ว่าเค้าน่าจะมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งให้คบได้เหมาะสมกว่า ฉันคิดและพูดประโยคที่ทำเอาเค้าขำๆ ในความคิดประหลาดของฉันไปว่า ช่วงชีวิตของคนเรานั้นสั้นเพียงนิดเดียวและยังมีหนทางอีกไกลที่พวกเราต้องเดินกันต่อไป แล้วทำไมจะต้องมาเสียเวลาจมกับวังวนของความทุกข์ ความรัก และความผูกพันกันด้วย สู้ต่างคนต่างเดินต่อไปในทางที่เหมาะกับตัวเองคงจะดีกว่า บางทีฉันอาจจะโหดไปหน่อยที่บอกให้เค้าไม่ต้องโทรมา แต่ฉันเชื่อว่านั่นเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน (ในหัวฉันตอนนั้นรู้สึกจริงๆ ว่าช่วงชีวิตของคนๆ หนึ่งถึงแม้จะอายุยืนเป็นร้อยปี ก็ยังสั้นนิดเดียวเมื่อเทียบกับห้วงเวลาในประวัติศาสตร์ คนเราเองก็เหมือนตัวละครที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งและกำลังร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในส่วนเสี้ยวเล็กๆ บทหนึ่งของกาลเวลาเท่านั้น และฉันก็เชื่อว่าฉันนั้นเข้มแข็ง +มีลูกบ้าหน่อยๆ มากพอที่จะค่อยๆ สร้างวิถีชีวิตของฉันต่อไปและดูแลตัวเองต่อไปได้ด้วยดี ^^)
หากแบ่งเขาแบ่งเราไป
อาจทุกข์ใจไม่สรวลสรร
เหมือนเมฆหมอกเข้ากีดกั้น
หากรู้ทันจักเปิดใจ
ตกดึกฉันออกไปหา Chicken Rice Ball ข้ามมันไก่ปั้นเท่าลูกกอล์ฟกลมๆ อร่อยๆ ทาน วิธีหาร้านอร่อยก็คือถามคนท้องถิ่น(ที่ดูเป็นมิตรสองสามคน) ว่าร้านไหนอร่อยแล้วให้เค้าแนะนำไป ถ้าร้านไหนคนแนะนำตรงกันก็น่าจะใช่ ฉันจำได้ว่าก่อนเดินทางฉันอ่านรีวิวทางอินเตอร์เน็ตมีคนไทยหลายๆ คนที่ไปกินแล้วบ่นว่าไม่อร่อยข้าวแข็งๆ ฯลฯ แต่ฉันอยากลองด้วยตัวเองดู(เป็นคนไม่เชื่อแม้จะมีคนบอกตรงกันมากมาย)ก็พบว่าร้านที่คนมาเลย์บอกว่าอร่อยซึ่งอยู่ชานเมืองหน่อยๆ ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวกลับอร่อยมากมาย (เหมือนเป็นร้านหนึ่งในหลายๆ ร้านแรกๆ ที่เปิดกันมานาน) ข้าวปั้นกลมๆ เป็นข้าวมันบดๆ มาปั้นรสนุ่มลิ้นมีรถไก่หอมๆ ไก่ก็อร่อยกว่าปกติเหมือนหมักอะไรไว้ พร้อมน้ำจิ้มอร่อยๆ ให้ผสมตามใจชอบอีก โชคดีที่ฉันเป็นคนที่ชอบลองอะไรไม่ด่วนตัดสินใจอะไรไปตามกระแส เลยทำให้ได้ลองกินอาหารอร่อยๆ จานนี้ :)
Create Date : 04 กันยายน 2554 |
Comments