Skip to main content

Bhutan #1

ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
ลมหายใจฟาดผ่านท้องนภา
สร้างเมฆาลงมาปกพื้นดิน
ให้จิตจินต์เกินกว่าพร่ำรำพัน
หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม ฉันเลยชวนคุณแม่ไปหาที่พักผ่อนร่างกายในดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า (ประเทศภูฏาน) ที่ๆ อากาศน่าจะดีกับสุขภาพเพราะอยู่ในปุยเมฆที่ศาสตร์ทางจีนเชื่อว่าเป็นลมหายใจมังกร
เมื่อนกยักษ์บินโฉบผ่านเทือกเขา
ก็เห็นเงาสะท้อนภาพสุขสันต์
เทือกเขาเขียวหมอกสีขาวนับอนันต์
เป็นของขวัญธรรมชาติในแดนดิน
สนามบินแห่งชาติพาโร เป็นสนามบินที่ได้ชื่อว่าน่ากลัวที่สุด ตอนแรกฉันแปลกใจที่คุณกัปตันจอดเครื่องบินรออยู่ที่ประเทศบังคลาเทศอยู่นานหลายชั่วโมง แต่แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อเครื่องบินกำลังจะบินลงสนามบินและเห็นปีกเครื่องบินเฉียดเทือกเขาหิมะลัยฝ่ามวลเมฆลงจอดในพื้นที่เล็กๆ ที่เค้าบอกว่าเป็นที่กว้างที่สุดในภูฏาน (เลยมาทำสนามบินนานาชาติ) ดังภาพประกอบด้านบนๆ
สายน้ำสีมรกตระรินไหล
ผ่านพงไพรก่อเริ่มเกิดทรัพย์สิน
ให้ผู้คนบนเขาเข้าทำกิน
ตั้งฐานถิ่นนานมาจนน่าชม
ประเทศภูฏานมีภูเขาสีเขียวๆ ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมดเยอะมาก ภาพด้านบนๆ ที่ไม่ค่อยมีต้นไม้คือบริเวณที่เกิดไฟป่า ส่วนภาพด้านบนเป็นภาพเมืองหลวงกรุงทิมพู เมืองหลวงแห่งเดียวในโลกที่ไม่มีสัญญาณไฟแดง (เพราะไม่จำเป็น) เนื่องจากผู้คนอยู่กันน้อยมากๆ และก็เป็นเมืองเล็กๆ
ภาพด้านบนเป็นภาพฉันเองที่ไปถึงวันแรกแล้วได้รับการต้อนรับโดยการคล้องผ้าพื้นเมือง (ออกเสียงเรียกคล้ายๆ ผ้าคาตะ) โดยมีวิวประกอบด้านหลังเป็นคนภูฏานที่ใส่ชุดประจำชาติเดินไปเดินมาในเมืองสวยงามน่ารัก เป็นปกติ เวลาไปเห็นภาพอะไรแบบนี้แล้ว ก็รู้สึกอยากเห็นคนไทยเราแต่งชุดไทยๆ หรือใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไทยๆ ลายไทยๆ เดินไปเดินมาในประเทศเราบ้างเหมือนกัน
ศิลปะของชาติเค้ารักษา
สถาปัตย์คงค่ามิเลือนหาย
สะท้อนรอยรักชาติด้วยแต่งกาย
ดูเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่เกินรำพัน
บนหลังคาของอาคารต่างๆ เค้าจะสร้างเป็นไม้ทรงจัตุรัสยื่นๆ สลับกันสูงต่ำ ทาสีประมาณดำ แดง เหลือง ส้ม น้ำเงิน เขียว วาดเป็นลวดลายสวยๆ อะไรประมาณภาพข้างบนนี้ (ที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกว่าสวยดี) เมืองไทยเราไม่ค่อยเพ้นท์ผนังหลังคาแบบนี้เลยขาดเอกลักษณ์อะไรของบ้านเราไป (ยกเว้นบ้านทางเหนือล้านนาจะมีการแต่งหลังคาด้วยกาแลและชายหลังคาลายฉลุ)
ภาพด้านบนเป็นภาพคุณลุง คุณป้านั่งอยู่ที่ฐานช่วยออกแรงหมุนกลมๆ ทรงกระบอกที่เค้าบอกว่าถ้าเราไปหมุนทีนึงแทนการสวดมนต์หลายๆ จบ เพราะบนทรงกระบอดกมีบทสวดมนต์จารึกอยู่ (แต่ก็หนักพอดูกว่าจะหมุนอันใหญ่ๆ แบบนี้ได้)
คนภูฏานโดยเฉลี่ยเป็นคนมีน้ำใจ และนิสัยดี (เที่ยวฝั่งนี้ของหิมาลัย แล้วไม่ต้องกลัวเรื่องจะโดนคนหลอก) แต่อาจจะเป็นเพราะปีที่แล้วฉันกับคุณแม่ ไปเที่ยวหิมาลัยอีกฝั่ง (อินเดีย-แคชเมียร์) ก็เลยกลัวๆ เรื่องคน แต่ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน คือมาที่นี่ศิลปะ ประเพณีจะคล้ายๆ ไทยไม่ค่อยเห็นอะไรตื่นตาตื่นใจเท่าฝั่งแคชเมียร์ แต่ฝั่งเคชเมียร์ต้องระวังเพราะเค้าอยากปลดแอกจากอินเดียเลยไม่สงบ และคนอินเดียเองก็จะเคี่ยวๆ แต่ค่าเที่ยวฝั่งอินเดียจะถูกกว่า
งดงามอย่างพุทธ
พิสุทธิ์ผ่องใส
กิเลสยั่วใจ
ไม่มาแผ้วพาน
ด้านบนเป็นภาพพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก (กำลังก่อนสร้างอยู่) ซึ่งใหญ่จริงๆ ภาพนี้ฉันเดินออกมาถ่ายอยู่ห่างมากๆ ใหญ่ขนาดเห็นได้จากทุกมุมในเมืองทิมพู (เมืองหลวง) ภาพนี้หลวงพ่อพระภูฏานท่านกำลังเดินสำรวจอยู่เลยถ่ายภาพมาสักหน่อย (พระภูฏานครองจีวรสีแดง)
ร่มเย็นเป็นสุข
ย้อนยุคให้เห็น
ว่าสิ่งจำเป็น
คือเน้นเรียบง่าย
ภาพด้านบนๆ หลายๆ ภาพเป็นภาพผสมจากหลายๆ สถานที่จากในเมืองทิมพู (เมืองหลวง) เช่นที่ทำการของทางการต่างๆ วัดวาอาราม หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระราชวังเก่า ฯลฯ แต่ทริปนี้เดินทางหลายเมือง เดี๋ยวจะค่อยๆ ทยอยลงภาพเมืองอื่นอีกสองสาม blog นะคะ ประเทศนี้มีวิวสวยๆ มากมาย ^^



Create Date : 26 มิถุนายน 2555

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค