Skip to main content

Kashmir


บุปผชาติบานผลิแย้ม
ความงามแซมแทรกสดใส
เปิดเผยอย่างจริงใจ
ให้ใครใครได้ชื่นชม



ภาพชุดนี้เป็นภาพจากสวนดอกไม้ของแคชเมียร์ ประกอบไปด้วยสวนสามแห่ง สร้างโดยราชวงค์โมกุล สวนแห่งแรกชื่อชาลิมาร์แปลว่าสวนแห่งความรัก พระราชาชาห์ฮังคีสร้างเป็นอนุสรณ์แห่งความรักให้พระนางนูชาฮัล <= พระราชาองค์นี้เป็นพระบิดาขององค์ที่สร้างทัชมาฮาล และพระนางองค์นี้ก็มีศักดิ์เป็นป้าของพระนางมุมตัช มาฮาล


สีแดงแต้มสีเหลือง
งามฟูเฟื่องอย่างเหมาะสม
ด้วยรักกันเกลียวกลม
ชวนภิรมย์ชมชื่นใจ



ส่วนสวนที่สองชื่อสวนนิชาร์ (แปลว่าสวนแห่งของขวัญ) ก็เป็นของขวัญที่มอบให้พระชายา สวนแห่งนี้สวยมากๆ ด้านหน้าเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ส่วนด้านหลังเป็นแนวเทือกเขาหิมาลัยดังภาพด้านบนและด้านล่าง โดยสวนแบ่งเป็นชั้นๆ ให้เดินขึ้นเขาไปเรื่อยๆ


ดั่งดึงสรวงสวรรค์
พานิรันดร์มาหยุดไว้
จำลองภาพวิไล
ให้ใครใครได้จดจาร



จริงๆ มีทั้งหมดสามสวนแต่สวนสุดท้ายปิดให้เข้าชมเฉพาะฤดูหนาว (เหมือนจะเป็นสวนดอกไม้เมืองหนาว) เลยได้ชมเพียงสองสวน เวลาเดินในแต่ละสวนขึ้นไปในแต่ละชั้นก็จะมีศาลาให้พักเป็นระยะๆ


พักเถิดพักพิงใจ
เรื่องใดใดที่พบพาน
เพียงปล่อยเป็นวันวาน
ที่พบผ่านแล้วเป็นไป



สัญลักษณ์ของแคชเมียร์ตั้งแต่สมัยโบราณคือต้นเมเปิ้ล ที่สวนเหล่านี้เลยมีการปลูกต้นเมเปิ้ลเต็มไปหมดอายุประมาณ 400 ปีขนาดหลายคนโอบหลายๆ ต้นเลยทีเดียว ถ้ามาในฤดูใบไม้ผลิที่สวนนี้ก็คงจะเป็นสีแดงๆ และถ้ามาในฤดูหนาวเทือกเขาหิมาลัยก็คงเป็นสีขาวๆ


แสงแดดพริ้วริ้วอุ่น
อ่อนละมุนพยับไหว
สร้างจินต์ในพงไพร
ประทับใจไม่รู้คลาย



ดอกไม้ที่นี่หลายดอกเป็นดอกโตๆ ขนาดใหญ่กว่าหน้าคนเช่นดอกสีขาวๆ ข้างบน ส่วนทางน้ำตรงกลางสวยๆ เป็นน้ำตกจริงๆ จากภูเขาที่คนสร้างสวนบังคับแนวน้ำให้ไหลผ่านสวนที่มนุษย์สร้างขึ้นโดยรอบส่งตรงลงทะเลสาบใสๆ ด้านหน้าของสวนทั้งสาม


สายน้ำส่งรดริน
ลงประทินสื่อความหมาย
สร้างแดนเทพนิยาย
ให้ผ่อนคลายในแดนดิน



ตกตอนเย็นจากวิวทะเลสาบจะมองเห็นพระอาทิตย์ตกลงทะเลสาบเป็นวิวสวยๆ มองไปกลางทะเลสาบจะเห็นศาลากลางน้ำอยู่ลิบๆ ได้ยินเค้าเล่ากันว่าเป็นที่ๆ พระราชาจะทรงม้าไปยังที่นั่นเพื่อพักผ่อน ฉันมาชมแล้วพูดได้คำเดียวว่าสวนราชวงค์โมกุลอลังการงานสร้างจริงๆ


วารีนทีพราย
สร้าง-ทำลายมิจบสิ้น
หมุนโลกพลิกพื้นดิน
ก่อทรัพย์สินสิ่งงดงาม





Create Date : 11 ตุลาคม 2554

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...