Skip to main content

กาญจนบุรี - Day 2



And that has made all the difference...


    รุ่งอรุณ...
    อิ่มอุ่นกรุ่นภาพฝัน
    ยลหมอกหยอกตะวัน
    แบ่งปันความรื่นรมย์


    วันรุ่งขึ้นพวกเราตื่นกันแต่เช้าเพื่อเข้าคิวอาบน้ำกัน เนื่องจากมีห้องน้ำเพียงห้องเดียว และตอนเช้าก็มีโปรแกรมค่อนข้างแน่นคือต้องไปทานอาหารรวมเป็นเวลา ต่อด้วยการไปปีนเขาชมถ้ำ บรรยากาศตอนเช้าที่นี่สดชื่นมาก อากาสบริสุทธิ์ ลมเย็นๆ มีเสียงสายน้ำไหล ชวนให้รู้สึกสบายใจเป็นยิ่งนัก...


    ละอองน้ำ...
    พรมพร่ำฉ่ำชื่นสม
    เพลินเพลิดเลิศอารมณ์
    พร่างพรมภิรมย์ใจ


    อาหารตอนเช้าก็เป็นข้าวต้มอุ่นๆ โอวันติน ปาท่องโก้ร้อนๆ อร่อยเป็นยิ่งนัก พอทานเสร็จพวกเราก็พร้อมเดินทางด้วยรถ 'บุโรทั่ง' แสนเท่ห์ที่ไม่มีแม้แต่ป้ายทะเบียนคันนี้ หนทางที่ไปก็เป็นเพียงระยะทางใกล้ๆ จึงทำให้พวกเราแม้นั่งกันลำบากหน่อย ก็ยังสนุกสนานเฮฮากันได้ไม่มีปัญหาอะไร...


    หอมอายดิน...
    อวนกลิ่นถิ่นที่ใหม่
    พาให้ตระหนักใน
    ความไกลของเส้นทาง


    จุดหมายถัดไปคือการปีนเข้าไปเที่ยวถ้ำเชลย ระยะทางก่อนถึงถ้ำคือขึ้นเขาไป 400 เมตรถือได้ว่าไม่ไกลเท่าไหร่ ตามเส้นทางก็ร่มรื่นและมีพรรณไม้หลากหลายที่ดูแปลกตาให้ชื่นชมอยู่ตามรายทาง เสียดายอยู่อย่างเดียวคือมียุงเยอะมากจนน่ากลัว ต้องขอบคุณ กย 15 ที่น้องๆ ช่วยซื้อมาแบ่งที่ช่วยชีวิตเอาไว้...


    เดินทางไกล...
    เพียงใดอาจไม่ห่าง
    หากพบว่าสิ่งว่าง
    นั้นต่าง ณ ใจตน


    ถ้ำเชลย คือถ้ำที่เป็นที่หลบภัยของเชลยฝรั่งสมัยสงครามโลกครั้งที่สองที่พยายามหลบหนีความลำบากที่ต้องสร้างสะพาน ฯลฯ จากทหารญี่ปุ่น ถ้านี้มีบริเวณและมีปล่องให้แสงเข้าดั่งภาพด้านบน และมีอ่างที่มีน้ำไหลเข้ามาเก็บไว้จึงทำให้เหล่าทหารเชลยสามารถมาใช้อยู่อาศัยพอประทังชีวิตได้...


    คือหลักธรรม...
    น้อมนำพอหลุดพ้น
    บ่วงห่วงลวงจิตคน
    เวียนวนจนหลงเงา


    พอเที่ยวชมถ้ำเสร็จพวกเราก็กลับมาเดินเล่นเย็นๆ ใจที่รีสอร์ทรอเวลาอาหารกลางวัน สิ่งที่น่าแปลกใจคือพวกเราได้ทราบว่าน้องคนหนึ่งในทีมที่มาด้วยกันเป็นเพื่อนกับน้องไร้นาม คือเรียนประถมมาด้วยกันโรงเรียนเดียวกัน ไม่น่าเชื่อว่าโลกนี้ช่างกลมยิ่งนัก อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน...


    สายลมเย็น...
    ไล้เล่นสุขทุกข์เคล้า
    ร้อนรุ่มจักบรรเทา
    หนาวเข้าเจ้าห่างหาย


    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีเวลาได้มาเที่ยวกับน้องๆ ในบรรยากาศที่ร่มรื่นเช่นนี้อีก การที่คนเราได้ออกมาทำอะไรที่แตกต่างจากปกติมักจะทำให้เราได้ค้นพบตัวเองอีกมุมหนึ่งได้เหมือนกัน ไร้นามชอบการเดินทางหนักหนาเพราะทำให้เราได้รู้ว่าตัวเราเองนั้นมีศักยภาพในการที่จะกล้าที่จะทำอะไรแตกต่างๆ ได้มากแค่ไหน...


    ดูเอาเถิด...
    ตายเกิดช่างง่ายดาย
    ทุกข์สุขพบเห็นหน่าย
    มุ่งหมายสิ่งใดกัน


    พอได้เวลารถไฟใกล้จะมาพวกเราก็ไปเดินเล่นรอรถไฟ... การเดินเล่นของเรานั้นก็คือเดินเล่นจริงๆ ตามรางรถไฟเนื่องจากเป็นเส้นทางที่รถไฟวิ่งช้า (10 กม/ชั่วโมง) และสามารถเห็นได้แต่ไกล จึงมีลูกพี่และน้องๆ กลุ่มหนึ่งเดินลุยไปบนสะพานรถไฟที่ไม่มีที่หลบยกเว้นหุบเหวสองข้างอย่างสบายใจ...


    ทุกวันใหม่...
    พาไปใกล้จุดฝัน
    เพิ่มเติมด้วยแบ่งปัน
    พบผันกลับมั่นคง


    รอกันอยู่นานพอควร รถไฟก็มา (สายกว่าเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง) พวกเราก็ต้องยืนกันเบียดเสียดพอควร เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายเพิ่งกลับมาจากน้ำตกไทยโยค ดีที่พวกเค้าลงที่สถานีท่ากิเลนทำให้เราได้นั่ง ก่อนที่เราจะตีตั๋วไม่งั้นพวกเราคงตีตั๋วลงเมืองกาญกันเพื่อไปต่อรถทัวร์แล้ว...


    ทีละนิด...
    เติมจิตคิดเสริมส่ง
    ปลดปล่อยที่ติดหลง
    ปลิดปลงรู้ปล่อยวาง


    สุดท้ายนี้อยากจะขอบคุณทุกคนสำหรับการเดินทางดีๆ ภาพหลายๆ ภาพในอัลบั้มคราวนี้ (ที่มีภาพไร้นาม) มาจากฝีมือถ่ายภาพของเพื่อนๆ ร่วมทาง ขอบคุณน้องพีคที่ตั้งใจจัดทริป พี่ผ่อนที่พาพวกเราทำอะไรแปลกๆ น้องแอ้มสำหรับไหวพริบดีๆ น้องส้มสำหรับสีสันที่สดใส น้องดวงสำหรับน้ำใจที่โดนหลอกมาเที่ยว น้องสาสำหรับบทสนทนาแสนสนุกทุกๆ ครั้ง และ น้องไกรที่ไปไหนไปด้วยไม่เคยห่างหาย...


    จึงดื่มด่ำ...
    พรมพร่ำฉ่ำใจว่าง
    พาเพลินทุกเส้นทาง
    ด้วยวางเสมอกัน

    ใช้ชีวิต...
    ด้วยจิตที่มุ่งมั่น
    ส่งสติตามทราบทัน
    ไม่หวั่นต่อสิ่งลวง



Create Date : 08 สิงหาคม 2549

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค...

Bhutan #1

ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ลมหายใจฟาดผ่านท้องนภา สร้างเมฆาลงมาปกพื้นดิน ให้จิตจินต์เกินกว่าพร่ำรำพัน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม ฉันเลยชวนคุณแม่ไปหาที่พักผ่อนร่างกายในดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า (ประเทศภูฏาน) ที่ๆ อากาศน่าจะดีกับสุขภาพเพราะอยู่ในปุยเมฆที่ศาสตร์ทางจีนเชื่อว่าเป็นลมหายใจมังกร เมื่อนกยักษ์บินโฉบผ่านเทือกเขา ก็เห็นเงาสะท้อนภาพสุขสันต์ เทือกเขาเขียวหมอกสีขาวนับอนันต์ เป็นของขวัญธรรมชาติในแดนดิน สนามบินแห่งชาติพาโร เป็นสนามบินที่ได้ชื่อว่าน่ากลัวที่สุด ตอนแรกฉันแปลกใจที่คุณกัปตันจอดเครื่องบินรออยู่ที่ประเทศบังคลาเทศอยู่นานหลายชั่วโมง แต่แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อเครื่องบินกำลังจะบินลงสนามบินและเห็นปีกเครื่องบินเฉียดเทือกเขาหิมะลัยฝ่ามวลเมฆลงจอดในพื้นที่เล็กๆ ที่เค้าบอกว่าเป็นที่กว้างที่สุดในภูฏาน (เลยมาทำสนามบินนานาชาติ) ดังภาพประกอบด้านบนๆ สายน้ำสีมรกตระรินไหล ผ่านพงไพรก่อเริ่มเกิดทรัพย์สิน ให้ผู้คนบนเขาเข้าทำกิน ตั้งฐานถิ่นนานมาจนน่าชม ประเทศภูฏานมีภูเขาสีเขียวๆ ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมดเยอะมาก ภาพด้านบนๆ ที่ไม่ค่อยมีต้นไม้คือบริ...