Skip to main content

ภูเก็ต - Day 1



ระยะทาง...
เป็นห้วงห่างสร้างความหมาย
ผ่อนอารมณ์พอระบาย
จนยิ้มง่ายกับชีวิต




วันหยุดอาทิตย์ก่อน ไปภูเก็ตมา นับเป็นการเดินทางไปเยี่ยมดินแดนไข่มุกอันดามันอันลือชื่อเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฟังเพื่อนๆ ชาวต่างชาติมาชื่นชมให้ฟังถึงความงดงามของที่นี่มานาน การเดินทางคราวนี้จุดหมายหลักคือมาร่วมงานแต่งงานของเพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย (ทั้งคู่) ทำให้เพื่อนๆ ที่สนิทกันสมัยวิศวะเกษตรกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เสียดายที่หลายๆ คนมาไม่ได้จึงมีเพื่อนๆ ร่วมรุ่นมาร่วมขบวนการกันอยู่เพียง 4 คน...



โชคชะตา...
แม้ฝืนกล้าท้าลิขิต
ลวงเวลามาเป็นมิตร
ก็เพียงจิตคิดห่างไกล




วันแรกที่มาถึงพวกเราก็ลงขันเช่ารถกัน จุดหมายแรกคืออุทยานแห่งชาติสิรินาถแป๊บนึงแล้วก็ขับเข้าเมือง หลงทางกันพอควรทำให้พลาดสถานที่ที่ตั้งใจเที่ยวไป แล้วก็หิวตาลายหาข้าวเช้าติ่มซำกินกันแล้วก็เดินเล่นเล็กน้อยในตัวเมือง เสร็จแล้วก็ตรงไปยังที่พัก งานนี้ต้องขอบคุณติ๊ก เพื่อนผู้น่ารักที่เคยไปเรียนปริญญาโทที่เคมบริดจ์รุ่นเดียวกันกัน ที่เอื้อเฟื้อจัดหาสถานที่ให้ ที่พักเป็นโรงแรมสีขาวสะอาดสะอ้านชื่อ rawai beach resort ที่หาดราไวย์...



สายลมร้อน...
มิอาทรตอนอ่อนไหว
เข้าแผดเผาพอเศร้าใจ
แล้วจากไปตามพัดพา




เสร็จแล้วสาวติ๊ก ก็ขับรถสุดเท่ห์หกที่นั่งพาเราเที่ยวอีกกว่าครึ่งวันไล่ขึ้นตามฝั่งตะวันตกของเกาะ... แวะเดินเล่นกันที่หาดในหาน หาดกะตะ หาดกะรน แล้วก็หาดป่าตอง ตามลำดับ การเดินทางคราวนี้ทำให้นึกถึงคืนวันเก่าๆ ที่เราเคยคุยกันสมัยเรียนโทที่เคมบริดจ์ว่าถ้ากลับเมืองไทยแล้วจะมาเที่ยวภูเก็ตด้วยกัน มาสูดกลิ่นอายของทะเล และนอนดูดาวด้วยกันบนเกาะ เสียดายที่แก๊งค์สามสาวของเรา ตอนมาเที่ยวคราวนี้มีเพียงสองเพราะขาดสาวแววไป...



แสงดวงดาว...
งามพร่างพราวเกินใฝ่หา
พาแหงนมองจนสุดตา
ก่อนก้มหน้าลงมองดิน




การไปเที่ยวคราวนี้ ก็ได้ไปดูสถานที่ต่างๆ ที่เคยโดนสึนามิถล่ม น่าแปลกใจที่แทบจะบอกได้ว่าไม่เห็นร่องรอยมากนัก ยกเว้นป้ายประวัติว่าสึนามิเคยถล่มถึงขนาดไหน และก็ป้ายเตือนภัย หรือป้ายบอกว่าโซนไหนเริ่มปลอยภัย เป็นระยะๆ ภูเก็ตนับว่าฟื้นตัวเร็วมากกว่าที่คาด มองไปทางไหนก็เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินกันมากมาย น่าแปลกใจที่ภัยธรรมชาติพอผ่านไปแล้วอะไรๆ ก็ยังเดินหน้าต่อไปกันได้อย่างไม่หยุดนิ่ง



ในรอยทราย...
พบภาพพรายมิจบสิ้น
ระยิบระยับจับใจจินต์
ซ่อนทรัพย์สินในถิ่นตน




หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มหิวแล้วก็ตระเวณไปหาร้านอาหารกันจุดหมายแรกคือร้าน "กันเอง" ที่อ่าวฉลอง เสียดายร้านปิดไป ก็เลยกลับไปทานแถวๆ หาดราไวย์ นั่งริมทะเล ชมเรือเทียบท่า ท้องฟ้าสีฟ้า และทะเลสีเขียวสลับลาย แดดออกจ้า ลมเย็นๆ โชยสบาย... จนแทบไม่น่าเชื่อว่าไม่นานนัก ฝนกลับสามารถตั้งเค้าขึ้นมาได้



ระรอกคลื่น...
ระดาดื่นทุกแห่งหน
งามเกินงามทุกยามยล
เสกสร้างมนต์ให้งมงาย




พวกเราปล่อยให้เจ้าถิ่นช่วยแนะนำอาหารและได้ลองของแปลกๆ พอดู เช่น เบือทอด น้ำพริกกุ้งเสียบ ฯลฯ ที่น่าแปลกใจคือทอดมันกุ้งที่เป็นอาหารแนะนำเลยลองสั่งดู พบว่าทำไม่เหมือนที่เห็นที่กรุงเทพฯ รสชาติอร่อยดีทีเดียว นั่งทานสักพักฝนก็ตั้งเค้าจะตกหนักจนพวกเราต้องย้ายถิ่นฐานจากริมทะเลมานั่งในตัวร้าน (ฝั่งตรงข้ามถนน) โชคดีที่ขนอาหารกันมาตรงจังหวะ พอเข้าร่มฝนก็ตกหนักมากจนไม่น่าเชื่อว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแดดออกสวยงามนัก



ทะเลครวญ...
ช่างแปรปรวนไร้จุดหมาย
วายุพัดวาดลวดลาย
จะดีร้ายยากคาดเดา




พอฝนซาพวกเราก็กลับโรงแรมกัน หลายๆ คนไปนอนพักเอาแรงไว้ดูบอลตอนกลางคืน (มีคู่อังกฤษ-โปรตุเกส และ บราซิล-ฝรั่งเศส) ส่วนไร้นามตามประสาคนอยู่นิ่งไม่เป็น ก็ตัดสินใจออกไปเดินเล่นชายหาดเล่นน้ำทะเลนิดหน่อย แบกขาตั้งกล้องไป เดินฝึกถ่ายรูปวิวทิวทัศน์สิ่งของ ไปเรื่อยเปื่อย...



ยามฝนซา...
รุ้งพาดฟ้าพาคลายเหงา
แสงแดดไล้ไล่ความเศร้า
มาหยอกเย้าดั่งเข้าใจ




ทรายบริเวณนี้นี่ไม่ขาวเท่าที่ทะเลตรัง แต่น้ำที่นี่ช่างใสสะอาดนัก ได้มีโอกาสพูดคุยกับคนท้องถิ่นที่นี่จนทราบว่าหลังสึนามินั้น สภาพท้องทะเลที่นี่สวยงามมากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งหลังฝนตก จึงมีกลิ่นอายหอมๆ ของไอฝน ประกอบกับสภาพอากาศแสนเย็นสบายยิ่งนัก จนแทบไม่น่าเชื่อว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้นได้เกิดลมฝนตกหนักมาก่อน



ชีวิตคน...
แม้หมองหม่นมาเท่าไหร่
ถึงวันหนึ่งจักเปลี่ยนไป
ยามที่ใจยอมเปลี่ยนแปลง




ตกเย็นพวกเราก็เข้าเมืองไปทานข้าวกับว่าที่คู่บ่าวสาว ที่ร้านอาหารชื่อร้าน "นายยาว" เป็นการเข้าเมืองที่หลงทางกันพอควรเพราะระบบ one-way นั้นไม่ได้บอกไว้ในแผนที่ แต่สุดท้ายก็หาร้านเจอ ทานข้าวกันเสร็จพวกเราก็ชักชวนเจ้าบ่าวไปเที่ยวต่อกัน... แต่ก็ไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนไกลนอกจากออกไปหาขนมทาน ร้านแรกที่จะไปปิด จึงเลยไปทานไอศรีมทอดแสนอร่อย (โชคดีจัง) ก่อนที่จะรีบกลับที่พักไปดูบอล...



ระยะทาง...
ที่เห็นห่างเพียงจิตแจ้ง
เพียงสิ่งลวงบ่วงจำแลง
เลิกปรุงแต่งจักเข้าใจ



Create Date : 09 กรกฎาคม 2549

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...