Skip to main content

Washington DC



ณ เมืองหลวงของประเทศประเทศหนึ่ง 
กลับเรียบง่ายสวยซึ้งซึ่งคุณค่า 
จัดตึกรามเว้นระยะสบายตา 
ไม่แออัดแน่นหนาอย่างน่าชม


อีกเมืองหนึ่งที่ฉันบินไปเยี่ยมชมระหว่างวันหยุดตอนไปทำงานที่อเมริกาคือกรุงวอชิงตันดีซี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐฯ สาเหตุที่ไปเพราะรู้สึกว่ามาอเมริกาบ่อยๆ แต่ยังไม่ได้มาเมืองหลวงเลย สิ่งที่น่าสนใจคือที่นี่มีสถานที่สำคัญๆ เยอะ ด้วยความที่อยากประหยัดระยะเวลาในการเดินทางฉันเลยเลือกลงสนามบินเรแกนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเมืองแล้วก็ซื้อตัวรถไฟใต้ดินแบบ Unlimit เพื่อแวะสถานีโน้นนี้


ความภูมิใจในชาติที่เค้ามี 
เมื่อทำอย่างพอดีจนเหมาะสม
สร้างพื้นฐานเสรีที่รื่นรมย์
ก็เกลียวกลมแม้ไกลห่างต่างเผ่าพันธุ์


ทริปนี้ถึงแม้ฉันจะซื้อตั๋วรถไฟแบบ Unlimit แต่ก็เดินชมโน่นชมนี่เยอะอยู่เหมือนกัน คุณ iPhone ช่วยนับระยะทางเดินให้ปรากฏว่าทริปที่มาที่นี่เดินรวมๆ ทั้งหมดระยะทางประมาณร้อยกิโล (หลายวัน) สาเหตุคือเดินเล่นใน Museum ยักษ์ใหญ่หลายๆ ตึกด้วย (เพราะส่วนใหญ่เปิดให้เข้าชมฟรี) ภาพด้านบนสุดคือ Washington Monument เป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่นี่อันนึง (เลยเอาขึ้นภาพแรก) สองภาพถัดมาเป็นเพนตาก้อน และภาพข้างบนและข้างล่างของข้อความนี้คือ Lincoln Memorial ที่เป็นภาพข้างหลักแบงค์ห้าเหรียญของอเมริกา (ทริปนี้ตามหาตึก/ภาพสัญลักษณ์ในแบงค์ต่างๆ)


พอคนรู้จักสร้างเอกลักษณ์
และปกปักษ์รักษาอย่างมุ่งมั่น
ชูเสรีนิยมสร้างธงฝัน
แล้วกำนัลให้ประเทศตามปรัชญา


ตึกด้านหลังของแบงค์สิบเหรียญเป็นตึก U.S. Treasury (ภาพด้านบน) ส่วนตึกด้านหลังของแบงค์ยีสิบเหรียญเป็นตึก White House (ภาพด้านล่าง) ทั้งสองตึกนี้เยี่ยมชมได้ทั้งสองฝั่ง วันแรกฉันเดินผิดฝั่งนิดหน่อยแล้วภาพไม่ค่อยจะเหมือน (ตอนแรกนึกว่าตึกมีการปรับปรุง) อีกวันเลยเดินชมอีกด้านแล้วพบว่าด้านนี้นะเองที่เหมือนในภาพ (นึกว่าด้านในแบงค์จะเป็นด้านที่หันไปทาง President Park)



สร้างเมืองหลวงเป็นตัวอย่างโลกเสรี
เน้นศักดิ์ศรีให้คนรู้ใฝ่หา
เริ่มแรกขึ้น ณ. ตรงนี้ที่สภา
ที่ผู้แทนเลือกตั้งมาออกเสียงตน


ก่อนมากรุงวอชิงตันดีซีฉันทำการบ้านมาระดับหนึ่ง (แบบให้หน่วยงานท่องเที่ยวของเมืองส่งหนังสือ Visitor Guide มาให้ฉันที่ California เพื่อจะได้อ่านก่อนมาสองอาทิตย์) ทำให้ได้เตรียมวางแผนค่อนข้างดี เลยสามารถจองรอบเยี่ยมชมข้างในสถานที่สำคัญๆ เช่น U.S. Capitol (รัฐสภา) แบบได้ไปดูภาพยนต์ประวัติศาสตร์อเมริกาและคุณไกด์พาเดินชมห้องพิเศษๆ ต่างๆ ภาพด้านหลังคุณไกด์ข้างล่างเป็นภาพของจริงข้างหลังแบงค์สองเหรียญ (มีอยู่ที่บ้านแต่ลืมพกไปถ่ายรูปเทียบ)


เป็นโลกใหม่ที่เน้นสร้างสัญลักษณ์
ให้ผู้คนประจักษ์ทุกแห่งหน
เผื่อปลูกสร้างจิตสำนึกวิญญูชน
ว่าทุกคนนั้นเกิดมาเท่าเทียมกัน


ภาพข้างบนคือรูปปั้น Statue of Liberty (เทพีเสรีภาพ) อันดั้งเดิมที่สร้างขึ้นตอนตั้งประเทศอเมริกา แต่พอฝรั่งเศสมาแสดงความยินดีด้วยโดยการส่งเทพีเสรีภาพ(เพราะประกาศอิสระภาพได้จากอังกฤษซึ่งเป็นคู่แข่งการล่าอาณานิคมฝรั่งเศสในยุคนั้น) ทางอเมริกาก็เลยยกชื่อเทพีเสรีภาพให้กับรูปปั้นอันใหม่ที่นิวยอร์คแทน ส่วนภาพด้านล่างคือห้องสมุดที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา Library of Congress (ห้องสมุดของสภามีทางเชื่อมใต้ดินเดินมาได้จากข้างใน U.S. Capitol)


เมื่อพูดถึงสิทธิของผู้คน
แล้วลองค้นข้อมูลอย่างมุ่งมั่น
จะเห็นว่ากว่าจะมาเป็นแดนฝัน
ก็ฝ่าฟันเรื่องราวมิใช่น้อย


ภาพข้างบนเป็นห้องหนึ่งในห้องสมุดของสภาที่มีข้อมูลเรื่อง Civil Rights Act 1964 เข้าไปอ่านข้อมูลดูแล้วกว่าประเทศอเมริกาจะให้ "สิทธิ์" (Rights) กับประชากร จนเหมือนยุคปัจจุบัน ก็มีความพยายามของคนรุ่นก่อนๆ กันไม่ใช่น้อยหลายสิบปี ส่วนภาพข้างล่างเป็นห้องโถงกลางให้อ่านหนังสือที่สงบเรียบร้อย ห้องสมุดนี้สวยมากและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดูได้ ถ้าใครจะเยี่ยมชมก็เข้าชมได้ฟรีแต่จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มๆ ห้ามพกกระเป๋าใบใหญ่และห้ามพกขวดน้ำเข้าไป


เมื่อความรู้เปิดเสรีให้ผู้คน
จนรู้ค้นข้อมูลมาใช้สอย
จนสร้างฝันเติมแต้มประดิษฐ์ประดอย
จากเล็กน้อยจนยิ่งใหญ่อย่างงดงาม


ภาพข้างและข้างล่างเป็นภาพของพิพิธภัณฑ์ Smithsonian ที่จริงๆ แล้วประกอบด้วยหลายตัวตึกและหลากหลายรูปแบบแต่ข้าพเจ้าของตึกเก่าๆ และสวนน่ารักๆ ตรงโซน Castle เลยถ่ายรูปมา แต่มีอีกพิพิธภัณฑ์นึงที่ชอบแต่ไม่ได้เอาภาพมาลง (เพราะมันแต่เดินเพลินๆ) คือ Art Gallery ที่เจ้าหน้าที่ใจดีให้ฝากกระเป๋าใบหนักๆ ได้ฟรีนานเท่าไหร่ก็ได้ (ตรงสวน West Wing) น่ารักสุดๆ และภาพข้างล่างสุดก่อนปิด Blog เป็นภาพสถานีรถไฟใหญ่ Union Station ที่สร้างได้อลังการมาก


หลากผู้คนมาร่วมใช้ชีวิต
ช่วยกันคิดรื่นเริงและสรรสร้าง
เกิดรูปแบบแปลกใหม่ที่แตกต่าง
กรุยเส้นทางสายใหม่โลกเสรี




Create Date : 05 พฤศจิกายน 2558

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...