Skip to main content

Lake District

 

มรดกโลก
อุทยาน
ธรรมชาติ

อีกที่หนึ่ง ที่ตั้งใจไปเยี่ยมชมในทริปอังกฤษคือ Lake District ที่ได้เป็นอุทยานแห่งชาติ (National Park) จนได้มรดกโลก UNESCO World Heritage หมวดธรรมชาติ (Natural) แม้จะเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีรัฐเป็นเจ้าของเพียง 4% และอีก 96% เป็นที่ดินเอกชนหรือองค์กรต่างๆ ที่มาช่วยกันอนุรักษ์ธรรมชาติกันมานานเป็นอย่างดี นโยบายการถือครองที่ดินของอังกฤษแตกต่างจากความเชื่อในประเทศไทยค่อนข้างเยอะ เช่นที่อังกฤษไม่มีดราม่าเรื่องขายที่ดินให้คนต่างชาติถือเป็นการขายชาติแบบที่ไทยดราม่า เพราะที่อังกฤษให้คนต่างประเทศซื้อที่ดินได้เป็นปกติ ที่อังกฤษไม่มีดราม่าเรื่องตัดที่อุทยานแห่งชาติให้นายทุนเอกชนแล้วผิดเพราะที่ดินส่วนใหญ่ในอุทยานแห่งชาติ (ที่ได้มรดกโลกเช่นกัน) ของอังกฤษเค้าก็ให้นายทุนซื้อขายกันพัฒนาเป็นรีสอร์ทได้อยู่แล้วเป็นปกติ แต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของอุทยานแห่งชาติในอังกฤษนั้นถูกบังคับและกำกับดูแลด้วย กฎ-กติกา ของการอนุรักษ์ธรรมชาติที่ชุมชนให้ความร่วมมือ

งามพิลาศ
เพราะผู้คน
ร่วมรักษา

Lake District ที่เที่ยวหลักๆ จะรายล้อมอยู่รอบ Lake Windermere (วิวภาพด้านบนๆ) จะมีหมู่บ้านต่างๆ ที่คนอยู่ที่นี่ดูแล้วค่อนข้างจะร่ำรวย เส้นทางที่มาที่นี่ง่ายๆ ก็มาด้วยรถไฟลงสถานี Windermere ที่ตรงเข้ามาได้ถึงกลางอุทยาน แล้วในตัวเมืองแต่ละแห่งก็จะจัดทำเป็นสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนเช่นภาพข้างบนและข้างล่างมาจาก The World of Beatrix Potter เรื่องเล่าเกี่ยวกับเจ้ากระต่าย Peter Rabbits โดยทำเป็นเรื่องราวอย่างดีมี Technology ผสมดังภาพข้างล่างที่เป็นจอ Touch Screen ให้เล่นควบคุมโน่นนี่ ดูประวัติ เล่นเกม ฯลฯ ได้

เป็นที่ดิน
ที่แบ่งปัน
ให้ประชา

มาที่ Lake District คราวนี้ถือโอกาสพักที่โรงแรมที่ได้มิชลิน Linthwaite House ที่อดีตเคยเป็นบ้านพักของมหาเศรษฐีและเปลี่ยนเป็นโรงแรม ที่สนใจโรงแรมนี้เพราะตัวโรงแรม และ ร้านอาหารได้รางวัลมิชลินแยกกัน (คือรวมแล้วได้มิชลิน 2 รางวัล) ราคาที่พักที่นี่ค่อนข้างสูง ถือเป็นที่พักที่แพงที่สุดในทริปคือห้องนอนห้องเดียวคืนเดียวถ้าเป็น Package Full Board คือที่พักพร้อมอาหารเย็นและอาหารเช้า ก็ 2 หมื่นกว่าบาท ถ้ามาอยู่เมืองไทยราคานี้ก็ได้ห้อง Family Pool Villa สวยๆ พักได้ทั้งครอบครัว ส่วนที่นี่จะได้เป็นห้อง 1 Bedroom (แบบข้างล่าง) ที่มีห้องทำงานกับโซฟาแยกอยู่อีกห้อง/ขนาดพอๆ กัน โรงแรมนี้วิวสวยมากคืออยู่เป็น Slope เอียงๆ ตามแนวเขาและเห็นวิว Lake เต็มๆ

สร้างคุณค่า
พัฒนา
ซื้อขายกัน

คนไทยเราชอบสร้างภาพว่านายทุนเข้าไปแล้วทำลายโน่นนี่นั่น แต่ในหลายประเทศทั่วโลก และ หลายพื้นที่ เค้าได้มรดกโลก เพราะมีนายทุนภาพเอกชนเข้าไปพัฒนาแล้วอนุรักษ์ไว้ดี ที่บางแห่งถ้าให้หน่วยงานรัฐอย่างเดียวกำกับดูแล บางทีก็สู้ภาคเอกชนที่เข้าไปตั้งใจอนุรักษ์อย่างเข้มข้นไม่ได้ เพราะคนที่ทำงานรัฐเองบางทีขาดแคลนกำลังคนและ เจ้าหน้าที่หลายคนก็อาจจะไม่ได้รู้สึกเป็น Ownership เท่าเจ้าของที่ดินตัวจริงดูแล บางทีการดูแลของรัฐร่วมกับเอกชนถ้าร่วมมือกันโดยเป็นพื้นที่ผสม ก็อาจจะทั่วถึงเป็นอย่างดีแบบที่อังกฤษและหลายๆ ประเทศสามารถทำได้หรือเปล่า / ภาพข้างล่างเป็น “กระต๊อบ” ไม้ดูด้านนอกธรรมดามากๆ ริมทะเลสาบในรีสอร์ท (ที่มีเรือให้เอาไปพายได้ฟรี /แต่ไม่ได้เอาไปแม้เค้าจะมีเสื้อชูชีพและคู่มืออะไรให้พร้อม) ในกระต๊อบนี้พอเดินเข้าไปก็เจอที่นั่งโซฟานุ่มๆ ทำดีมากๆ

คนต่างชาติ
ก็มีสิทธิ์
ถือครองที่

เดือนที่ไปเป็นเดือนเกิด ทางโรงแรมเลยเตรียม Surprise ให้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นของขวัญห่ออย่างดีวางไว้รอในห้อง หรือว่าขนมเค้กร้านมิชลิน Henrock (อยู่ในโรงแรม) ที่มีชุดพิเศษ เอาขนมเค้กกับไอติมที่ทำมาเป็นเม็ดเล็กๆ พร้อมเขียน Happy Birthday มาให้อย่างน่ารักทีเดียว เสียดายที่ให้เค้าถ่ายภาพให้แล้วเบลอเล็กน้อย เค้าก็ให้ตรวจดูภาพแต่ว่าตอนดูด้วยมือถือภาพเล็กๆ ก็ดูโอเคไม่ได้ซูม เลยคิดว่าภาพโอเค

ไม่ได้มี
การดูถูก
หรือกีดกั้น

ตอนเช้าที่นี่เสริฟอาหารแบบให้เลือกและมาทยอยเสริฟที่โต๊ะ เลยลองเลือก English Breakfast ที่ปกติไม่ค่อยเลือกที่ไหนเพราะรู้สึกไม่ค่อยอร่อย แต่โรงแรมนี้ทำอาหารอร่อยเลยอยากลอง พบว่าพอทำอร่อยก็อร่อยจริงๆ ที่นี่เติมของไม่จำกัดมีสลัดมาให้ข้างๆ อีกแต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา มีขนมปังและแยมหลากหลายแบบกระปุกเล็กๆ ในภาพ สั่งชา English Breakfast Tea มาทนให้เข้ากันและเค้าก็เอานมมาเติมให้แบบไม่อั้นเหมือนกัน บริการแบบใจกว้างสมเป็นโรงแรมราคาแพงในเมืองเล็กที่มีน้ำใจ เดินเล่นในเมืองนี้ไม่เจอ Homeles อะไรเดินได้แบบสบายใจ มียกเว้นก็แต่คุณ Taxi เจอคันนึงไม่กดมิเตอร์แต่ว่าเป็นคนต่างชาติมาทำงาน (Taxi คนอังกฤษแท้ๆ จะกดมิเตอร์โอเค)

พัฒนา
เริ่มที่การ
รู้แบ่งปัน

คุยกับคนท้องถิ่นที่นี่พบว่าหลายคนเดิมไม่ใช่คนท้องถิ่น แต่ย้ายเข้ามาเพราะมาอยู่ที่นี่ทั้งบรรยากาศดี ทั้งรายได้ดี เค้าเล่าว่าแกะที่เห็นเดินไปเดินมาหลายฟาร์มไม่ได้ทำรั้วแต่ใช้วิธีระบายสีที่ขนแกะ ใครเห็นสัญลักษณ์สีไหนแกะเดินหลงมาเป็นของอีกฟาร์มก็เอาไปคืน บางทีแกะก็มีหลงไปขวางถนน รถก็จะหยุดให้ คนส่วนใหญ่จะเค้ารพกฎและสร้างอะไรแบบคุยกับหน่วยงานกรมอุทยาน (ที่ไม่ค่อยได้ถือครองที่อะไร) แต่กรมอุทยานจะวางแนวทางอนุรักษ์ไว้ว่าสร้างอะไรที่ไหนยังไงได้บ้างที่จะไม่ทำลายธรรมชาติของที่นี่

รวมให้คน
มาร่วมฝัน
แบบกันเอง

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...