Skip to main content

Seattle


ระยิบริ้วพริ้วพรมห่มสมุทร
งามพิสุทธิ์ประดุจห้วงสรวงสวรรค์
แสงราตรีคลี่ห่มบ่มแสงจันทร์
ร้อยลาวัณย์นิรันดร์จารผ่านกวี



ในที่สุดฉันก็ได้มีโอกาสแวะไป Seattle เมืองที่มีเพื่อนแสนดีชวนให้ "แวะ" ไปหาทุกครั้งที่ฉันไปอเมริกา (ซึ่งก็บ่อย) แต่ฉันก็ไม่เคยได้มีโอกาสไปซักที ปีนี้ก็เลยตั้งใจลางาน+จองตั๋วบินไปที่นี่อย่างตั้งใจเลยทีเดียวด้วยความเชื่อที่ว่า "ถ้าไม่ทำตั้งแต่วันนี้ แล้วจะรอไปอีกถึงเมื่อไหร่กัน"


ถิ่นไกลห่างทางไกลไปก็ถึง
เพียงนับหนึ่งจึงเริ่มเติมแต้มสี
จนเป็นภาพทราบทรงจำนำชีวี
ให้อิ่มเอมเปรมปรีด้วยดีใจ



ฉันมีเพื่อนทำงานอยู่ที่เมืองนี้ถึงสี่คน วันแรกที่ไปถึง เพื่อนๆ จัด welcome party ให้จนดึกดื่นตีหนึ่งในร้านอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย (ภาพอาหารด้านบน) กลาง Downtown Seattle กันเลยทีเดียว ฉันได้เรียนรู้ว่าการเที่ยวคนเดียวที่ผ่านมาแม้จะสนุกสนานมากมาย ก็ไม่เท่ากับเวลาที่ได้พบเพื่อนเก่า เวลาที่ดีที่สุดคือตอนที่ได้พบกับคนที่ไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี แต่ยังพูดคุยสนุกสนานกันเหมือนเพิ่งจากกันเมื่อวานนี้เอง


ท่องเที่ยวดูผู้คนยลชีวิต
ต่างลิขิตพิศตรองพ้องไฉน
แม้ไกลห่างมิต่างกันก็เป็นไป
ตามกลไกในชะตาภาษาธรรม



สิ่งที่น่าเสียดายคือเพื่อนที่ชวนฉันมาเที่ยว/Mr ปุณ เกิด "ป่วย" หนัก พวกเราเลยมีเวลาเที่ยวด้วยกันน้อยกว่าที่คิดเอาไว้ (แต่ฉันก็เกรงใจ เพราะเค้าก็พยายามดูแลฉันอย่างดีทีเดียว) ปุณก็เลยให้ตั๊ฟและจุ๋มช่วยพาฉันไปเที่ยว Seattle แทน แต่ก็เป็น trip ที่สนุกสนานดี สิ่งที่ฉันชอบไม่ใช่บรรยากาศรอบตัวแต่เป็นการได้ฟังเรื่องราวชีวิตของเพื่อนๆ ว่าได้ใช้เวลาในเมืองแห่งนี้แบบไหนมากกว่า :)


อุ่นรอยยิ้มอิ่มอารมณ์ชมดนตรี
เพลินพอดีตามรายทางพลางดื่มด่ำ
คลื่นมวลชนปน folk song ที่ร้องรำ
เหมือนดั่งพร่ำร่ำเรื่องราวคราวผ่านเลย



ที่ Pike place market, เพื่อนๆ พาฉันไปดูร้าน Starbucks สาขาแรก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นร้านเล็กๆ ตรงข้ามตลาดใหญ่ๆ ที่วันหนึ่งได้เปลี่ยนไปเป็นร้านกาแฟที่มีสาขาใหญ่โตทันสมัยไปทั่วทุกมุมโลก ที่ร้านนี้มีกาแฟรส Original (Pike Place Roast) ที่ทำเอาฉันตัดสินใจวิ่งกลับไปต่อคิวยาวๆ เพื่อที่จะซื้อมาฝากหัวหน้าฉัน (ที่เป็นคนชอบกาแฟมากๆ) ด้วยความรู้สึกว่าคงจะหาซื้อที่อื่นไม่ได้อีกแล้ว @^_^@


หอมกลิ่นอวนชวนลิ้มชิมกาแฟ
ของเขาแน่แต่ไหนไม่เมินเฉย
เลยต่อแถวซื้อบ้างไม่ให้เชย
ภาพคุ้นเคยของร้านดังทุกครั้งครา



การได้เที่ยวกับเพื่อนๆ ที่อยู่ที่นั่นมีข้อดีคือ เป็นการเที่ยวแบบรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่นที่เที่ยวที่ไหนน่าไป อาหารที่ไหนอร่อย ขนมอันไหนน่าลอง ของฝากอันไหนควรซื้อ ร้านไหนดี ฯลฯ ก็เป็นการเที่ยวเล่นในอีกรูปแบบนึงทีสนุกดีทีเดียว ฉันพบว่าได้ทำอะไรมากมายกว่าที่คิดไว้ในเวลาสั้นๆ


เด็กๆ เอยเล่นซนปนความสุข
ทิ้งภาพทุกข์ยิ้มแย้มกันหนักหนา
อีกไม่นานจะเติบใหญ่ตามเวลา
เพื่อพบพาชีวิตใดให้คิดตรอง



วันต่อมาเพื่อนฉันพยายามกินยาและพักผ่อนจนฟื้นตัว (ทำให้ฉันแอบเป็นห่วงกลัวว่าจะพยายามฝืนพาฉันไปเที่ยว) พวกเราก็ไปเที่ยวกันมากมายแต่ก็แบบเที่ยวเรื่อยๆ เวลาส่วนใหญ่ของพวกเราเลยเป็นเวลาที่อยู่บนรถทำให้ได้คุยโน่นคุยนี่กัน จริงๆ แล้วเราเป็นเพื่อนที่เคยคุยกันเยอะพอสมควรอยู่ช่วงหนึ่งทีเดียว จำได้ว่าบทสนทนาแรกๆ ที่เรามาคุยย้อนเวลากันก็คือว่า พวกเราเลิกคุยโทรศัพท์กันช่วงไหนนะ? และก็ค้นพบว่า... ก็คือช่วงที่ฉันเริ่มมีแฟนคนที่สองไง (เข้าทำนองว่าฉันเป็นพวกมีแฟนแล้วทิ้งเพื่อนนะเอง T_T)


เพื่อนเอ๋ยเคยเป็นเพื่อนเงื่อนพันผูก
เพาะบ่มปลูกปลดใจจนคลายหมอง
อยู่เป็นเพื่อนในคราเศร้าเราย้อนมอง
ให้ตรึงตรองทราบซึ้งใจในวันวาน



จริงๆ แล้วฉันอยากจะเขียนเรื่องราวดีๆ ของเพื่อนคนนี้ของฉันเยอะแยะทีเดียว เค้าเป็นเพื่อนอีกคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนฉันในยามยาก (แต่เวลามีความสุขพวกเราก็ไม่ได้คุยกัน /อิอิ) ฉันจำได้ว่าตอนฉันอกหักครั้งแรก ด้วยความที่เค้าเป็นเพื่อนสนิททั้งแฟนเก่าฉันและทั้งฉันเอง(ในช่วงเรียนมหาลัยพวกเรามักไปไหนมาไหนด้วยกันสามคนอยู่พักใหญ่) ฉันก็เลยเขียน message สั้นๆ ไปหาเค้าในตอนที่ฉันอยู่อังกฤษและเค้าอยู่อเมริกาว่า "ทำไงดี เราไม่รู้ว่าจะลืม[แฟนเก่่า]แล้วหยุดร้องไห้ยังไงดี?" แล้วเค้าก็เลยโทรมาคอยคุยเป็นเพื่อนอยู่เรื่อยๆ นานเป็นปี แต่ก็ไม่ได้คุยอะไร downๆ อะไร เพราะครั้งแรกที่โทรมาเค้าพูดว่าตกใจแต่ไม่รู้จะปลอบใจฉันยังไง พวกเราก็เลยคุยกันธรรมดา update แต่เรื่องทั่วไปเฮฮากัน


ทีละนิด ทีละน้อย คอยเป็นเพื่อน
คลายปมเงื่อนเคลื่อนอารมณ์จนสนาน
เพียงเฮฮาภาษาก๊วนชวนชื่นบาน
ไม่เดินผ่านในยามเศร้าเหงาฤดี



สิ่งที่ฉันรับรู้ก็คือ นี่แหละนะคือคนที่เป็น "เพื่อน" ที่ดี คืออยู่ตรงนั้นตอนที่เรามีปัญหา ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่ากำลังช่วยกันอยู่ และพอเรากลับมามีความสุขก็ยินดีกับเรา (แล้วก็ปล่อยไป) เจอกันคราวนี้ฉันเลยไปถามย้อนถึงช่วงเวลานั้นและก็ได้รับคำตอบว่าตอนนั้นเค้ากลัวว่าฉันจะ down จนแย่ไป (แต่ตอนนั้นพวกเราไม่ได้คุยกันตรงๆ แบบนี้เลย ฮะ ฮะ) ฉันเลยทำเค้าหมดบัตรโทรศัพท์โทรทางไกลไปหลายใบ และจริงๆ ฉันก็พูดได้เต็มปากเหมือนกันว่าถ้าไม่มีปุณคอยโทรมาเล่าโน่นเล่านี่ (ที่ไม่ได้เกี่ยวกับการปลอบใจ) ฉันก็คงจะ down อยู่นานเหมือนกัน ขอบคุณเสมอเพื่อนที่แสนดีคนนี้


นี่แหล่ะหนาคือเพื่อนดีในยามยาก
ไม่ต้องมากเพียงเป็นเพื่อนไม่หน่ายหนี
ในยามที่ถูกทอดทิ้งช้ำชีวี
ก็ยังมีเพื่อนแสนดีไม่ทิ้งกัน



ไปเที่ยวแวะหาปุณคราวนี้ฉันเลยได้ไปบอกเค้าด้วยคำที่อยากจะบอกมานานว่า "นายเป็นคนที่มีจิตใจดี เราขอให้นายพบเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิตนะ" เค้าก็ขำๆ ว่าฉันพูดอะไรขำๆ ไป (อีกแล้ว :P) แต่ที่ฉันพูดก็เพราะฉันก็คิดอย่างนั้นจริงๆ แถมไปเที่ยวคราวนี้ ฉันก็ยังรู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างดีจนคิดไม่ถึงอีกตะหาก โดยเฉพาะแม้ในเวลาที่เค้าป่วยก็ยังพยายามพาฉันเที่ยวมากมาย ^^'


ขอพรพรหมอวยไว้ให้สหาย
สุขมากมายทุกคืนวันล้วนสรวลสรร
พบแต่สิ่งที่ดีงามตามกำนัล
ทุกคืนวันให้แย้มยิ้มอิ่มเอมใจ






Create Date : 11 ตุลาคม 2553

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

เส้นทางเจ้าหนอน

1. กลอน 6 ๏ หนอนน้อยน้อยอ้วนท้วนใส เกิดใหม่ใบเจาะเลาะหม่ำ ท้องกิ่วหิวบอกออกทำ กินนำหม่ำเอื่อยเรื่อยมา ๚ 2. โคลง 5 พัฒนา ๏ ฝนตกแล้ว..........แดดออก ฟ้าเปลี่ยนหลอก......ไม่ล้า สิ่งภายนอก...........ไร้ค่า เพียงท้องท้า..........หม่ำไว ๚ 3. อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ๏ สัญชาตญาณพา......คณนาสิหายไป หมดแล้วก็ใบใหม่.......พละไร้มิหยุดลง ๚ 4. กาพย์ยานี 11 ๏ เพียรเอยหนอนเพียรทาน.......หม่ำอาหารอย่างมั่นคง กล้อนกัดแทะบรรจง..............เจตจำนงค์มิหลงไป ๚ 5. โคลง 4 สุภาพ ๏ คนเห็นหนอนเกลียดด้วย......กินใบ กำจัดเจ้าทันใด...................ไม่เลี้ยง ผลาญชีวิตปลิดไป...............สมจิต สร้างสิทธิ์ให้หนอนเพี้ยง.........หลบหน้าหลีกไป ๚ 6. ร่ายสุภาพ ๏ หนอนน้อยหลบหลีกมา......ตั้งตาเพียรหม่ำไป...........คนใจร้ายมิสน ตัวตนสำคัญกว่า.................คุณค่าคือเติบโต............ไม่โลเลไม่ท้อ ไม่หยุดเพื่อตัดพ้อ...............ดั่งท้าชะตา ตนเฮย ๚ 7. กลอน 7 ๏ ถึงจุดหยุดหม่ำเจ้าพลันห่อ ถักทอดักแด้ดั่งแพรไหม หลบลี้หนีหายสลายไป เป็นเพียงกลุ่มใยสายบางบาง ๚ 8. โคลงดั้นวิวิธมาลี ๏ วันคืนผันผ่านแล้ว..........แคล้วไป ใยห่อค...

Bhutan #1

ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า ลมหายใจฟาดผ่านท้องนภา สร้างเมฆาลงมาปกพื้นดิน ให้จิตจินต์เกินกว่าพร่ำรำพัน หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำท่วม ฉันเลยชวนคุณแม่ไปหาที่พักผ่อนร่างกายในดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า (ประเทศภูฏาน) ที่ๆ อากาศน่าจะดีกับสุขภาพเพราะอยู่ในปุยเมฆที่ศาสตร์ทางจีนเชื่อว่าเป็นลมหายใจมังกร เมื่อนกยักษ์บินโฉบผ่านเทือกเขา ก็เห็นเงาสะท้อนภาพสุขสันต์ เทือกเขาเขียวหมอกสีขาวนับอนันต์ เป็นของขวัญธรรมชาติในแดนดิน สนามบินแห่งชาติพาโร เป็นสนามบินที่ได้ชื่อว่าน่ากลัวที่สุด ตอนแรกฉันแปลกใจที่คุณกัปตันจอดเครื่องบินรออยู่ที่ประเทศบังคลาเทศอยู่นานหลายชั่วโมง แต่แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อเครื่องบินกำลังจะบินลงสนามบินและเห็นปีกเครื่องบินเฉียดเทือกเขาหิมะลัยฝ่ามวลเมฆลงจอดในพื้นที่เล็กๆ ที่เค้าบอกว่าเป็นที่กว้างที่สุดในภูฏาน (เลยมาทำสนามบินนานาชาติ) ดังภาพประกอบด้านบนๆ สายน้ำสีมรกตระรินไหล ผ่านพงไพรก่อเริ่มเกิดทรัพย์สิน ให้ผู้คนบนเขาเข้าทำกิน ตั้งฐานถิ่นนานมาจนน่าชม ประเทศภูฏานมีภูเขาสีเขียวๆ ต้นไม้ขึ้นเต็มไปหมดเยอะมาก ภาพด้านบนๆ ที่ไม่ค่อยมีต้นไม้คือบริ...