(Along highway no. 1, from LA to San Frans USA)
๏ ฟ้าเพียงลองมองดูหมู่มนุษย์
เข้ายื้อยุดฉุดแย่งและแข่งขัน
จึงสะท้อนทอดถอนใจในฉับพลัน
ด้วยรู้ทันมันเพียงภาพอาบเงาลวง
๏ ฝนจึงตกต่างน้ำตานภาร้อง
ด้วยพิศมองแล้วหมองหม่นจนนึกห่วง
หลากชีวิตใต้ฟ้าเดียวหลายใจดวง
ต่างตักตวงทวงสิทธิ์ตน...จนน้ำใจ
๏ ดินรองรับซับซึมธารแห่งความทุกข์
จึงไร้สุขทุกทุกคราฟ้าร่ำไห้
แต่หนึ่งแรงใช่แกร่งพอจะขอใคร
ให้เปลี่ยนไปให้ปล่อยวางอย่างที่ควร
๏ ไฟเปลวร้อนจึงลุกลามตามปลอบฟ้า
โหมสูงคราแผ่นดินสอนให้ย้อนหวน
แผดผลาญเผาจนมอดหายคลายเย้ายวน
เป็นธรรมชวนทวนตรึกไว้ในอุรา
-----------------------------------------------------------------------------------------
ไฟคือไฟจุดแล้วก่อกำเนิด
สิ่งประเสริฐอารยะที่ยิ่งใหญ่
จากมนุษย์ยุคหินถิ่นพงไพร
พอพบไฟก็กลับกล้าท้าราตรี
-----------------------------------------------------------------------------------------
๏ ฟ้า ฝน ดิน ไฟ ๏
๏ ฟ้าอาบแสงแดงเพลิงระเริงรู้
ฝนจะพรูพร่างพรมหลังชมเห็น
ดินจะปริ่มอิ่มน้ำฉ่ำชื่นเย็น
ไฟจะดับกลับเป็นเช่นก่อนกาล
หมายเหตุ: เก็บมาจากกลอนที่ไร้นามแต่งไปแจมในอาศรมฯ
Comments