อีกหนึ่งหมุดหมาย…
ย่างกรายมาถึง…
ตามคิดคะนึง…
ที่ซึ้งตรึงตรา…

จุดหมายหลักที่ทำให้ตัดสินใจเดินทางมาประเทศเบลเยี่ยมระหว่างทำงานที่เนเธอร์แลนด์ ก็คืออยากมาเยี่ยมชมเมือง Antwerp ตั้งใจมา Antwerp เพราะ เป็นท่าเรือใหญ่แห่งนึงในเกมที่ชอบเล่นสมัยเด็กๆ (เกมชื่อ Horizon = เป็นเกมเดินเรือซื้อขายสินค้าท่องเที่ยวทางทะเล) ก็เลยดั้นด้นนั่งรถไฟข้ามประเทศมาเยี่ยมชมเมืองนี้จากที่มาแบบ virtual ในเกม

เป็นหนึ่งเมืองธง…
ที่ทรงคุณค่า…
จึงหาเวลา…
แวะมาเยี่ยมเยือน…

Antwerp ถูก UNESCO เลือกในปี 2004 ให้เป็นเมืองหลวงแห่งหนังสือ เหตุผลคือเมืองนี้มีแหล่งเรียนรู้เยอะไม่ว่าจะเป็นการมีห้องสมุด การมีการแสดงละครเวทีตามถนน การมีสถานที่สาธารณะให้คนได้อ่านหนังสือ การมีการแข่งขันการเขียน การเฉลิมฉลองนักเขียน การมีงานแสดงนิทรรศการ จนขนาดมีบทกวีอยู่ในกระดาษห่อขนมปังกันเลยทีเดียว (อันนี้ไม่ได้ลองซื้อ /มัวแต่ไปหาซื้อเบลเยี่ยมช็อคโกแล็ตกลับมาฝากที่บ้าน) และ ระหว่างมาเยี่ยมชมก็ได้เห็นบรรยากาศแห่งการเรียนรู้จริงๆ ไม่ว่าจะมีศิลปินมาแสดงความสามารถตามรายทาง (ดั่งภาพข้างบนๆ)

เก่าใหม่ปะปน…
ระคนย้ำเตือน…
เวลาไหลเลื่อน…
โลกเคลื่อนหมุนไป…

จุดหมายแรกที่มาแวะชมคือมรดกโลกในกลุ่ม Belfries of Belgium and France – Antwerp City Hall (ภาพข้างล่างทางซ้าย) โดยสถาปัตยกรรมยุโรปมีการสะท้อนถึงอำนาจเหนือเมือง 3 แบบคือ
1. ถ้าเมืองไหนศูนย์กลางเมืองคือปราสาท (ไม่รู้จะใช้ภาษาไทยคำไหน จริงๆ คือถ้ามี Keep = คลังเก็บของในปราสาทของ Lord) แสดงว่าเมืองนั้นอำนาจอยู่ที่ขุนนางเจ้าของที่ดินที่มีการเก็บเกี่ยวทรัพยากรเข้าส่วนกลาง
2. ถ้าเมืองไหนศูนย์กลางคือหอระฆัง Bell Tower ของโบสถ์ แสดงว่าอำนาจอยู่ที่ศาสนจักร
3. ถ้าเมืองไหนศูนย์กลางอยู่ที่หอระฆัง Belfry ของที่ว่าการเมือง แสดงว่าอำนาจอยู่ที่นายกเทศมนตรีของเมืองเอง ซึ่งสะท้อนว่าเมืองนั้นประชากรร่ำรวยและพัฒนาพอจนปกครองได้ด้วยอำนาจอิสระออกมาระดับนึงซึ่งพบรูปแบบนี้ได้ในโซนเบลเยี่ยมและฝรั่งเศสตอนเหนือจนได้มรดกโลก
สรุปคือเมืองนี้อดีตเคยสำคัญมากๆ เพราะมี Belfry เสียดายที่เค้าเหมือนจัดงานอะไรซักอย่างเลยเข้าไปไม่ได้ (คนเยอะมากๆๆ มีล้อมรั้วคล้ายจะมีคอนเสริตอะไรเพราะมีเวที มีตั้งระบบเสียง และ เหมือนต้องมีตั๋วงานถึงจะเข้าไปได้) เลยได้แต่เดินอ้อมๆ ดูรอบๆ แทน แต่ก็ได้บรรยากาศดูความสนุกสนานของชาวเบลเยี่ยมที่มางานกัน

เป็นแหล่งเรียนรู้…
คงอยู่รักษ์ไว้…
ให้ประทับใจ…
เกริกไกรนิยาม…

อย่างที่เกริ่นมาข้างต้นว่าเมืองนี้เป็นเมืองหลวงแห่งหนังสือ ที่นี่มีมรดกโลก Plantin-Moretus House-Workshops Museum Complex (ภาพข้างบน และ ข้างล่าง) ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณตั้งแต่ยุค Renaissance และ Baroque เก็บประวัติศาสตร์นวัตกรรมการพิมพ์ไว้ตั้งแต่สมัยที่เมือง Antwerp เคยเป็นเมืองท่าใหญ่สุดๆ ของยุโรปที่ต้องมีการติดต่อค้าขายกับทั่วโลก มีประวัติศาสตร์โลกเกี่ยวกับวิวัฒนาการของการพิมพ์ที่เก่าแก่มากมายจนได้มรดกโลกกันเลยทีเดียว

ผู้คนแย้มยิ้ม…
ภาพพริ้มงดงาม…
ชวนรื่นเริงตาม…
อารามยินดี…

เมืองนี้มีการก่อสร้างเยอะมากๆ และ สังเกตุดูว่าอุปกรณ์ก่อสร้างหลายอย่างจะมีสีแดงๆ ซึ่งเป็นโทนสีเดียวกับสถานีรถไฟใต้ดิน (ภาพข้างล่างขวา) ภาพข้างล่างนี้เป็นโรงละคร Opera แวะมาดูหน่อยเพราะสมัยก่อนสถานที่เหล่านี้คือที่สำคัญๆ ของเมืองใหญ่แสดงถึงความมั่งคั่งของชาวเมืองจนสามารถมีโรงละคร Opera ดีๆ ให้ดูกัน

เมืองเก่าบุราณ…
เมื่อผ่านราตรี…
เริ่มใหม่เต็มที่…
ก็มีเปลี่ยนแปลง…

เดินเล่นเมืองนี้น่าสนใจหลายอย่างคือเป็นเมืองที่มีมรดกโลก 2 แห่ง มีตึกราโบราณๆ ผสมผสานกับอะไรๆ ที่ทันสมัยที่เห็นชัดเจนถึงการพยายามปรับปรุงเมือง / ภาพข้างล่างแวะไปดูสวนสัตว์ของเมืองนี้ มีน่าสนใจกว่านั้นอีกคือทางเข้าประตูเป็นสิงโตจีน! สมกับเป็นเมืองท่าเก่ายุคโบราณที่มีการค้าขายเดินเรือไปถือเมืองจีนเลยจริงๆ

เก่าใหม่ปะปน…
ระคนแสดง…
ระเบียบจัดแจง…
ส่องแสงตระการ…

ทุกจุดที่ไปจะเห็นอาคารโบราณผสมกับอะไรๆ ที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นจักรยานสีแดงของเมืองนี้ที่จอดเรียงรายอยู่หลายจุดพร้อมให้คนมาเช่ากับเครื่อง Automatic ทันสมัย (ภาพข้างบน) หรือว่ามีชิงชาสวรรค์สีสรรแบบ modern ข้างหน้าสถานีรถไฟโบราณ (สถานนีรถไฟของ Antwerp อันนี้สวยมากดังข้างบนๆ สุด กับภาพข้างล่างๆ) ที่พอมาผสมผสานกันไปก็ดูลงตัวดีคล้ายๆ บรรยากาศในลอนดอนระดับนึง

ศิลป์ศาสตร์งามงด…
หมดจดตระการ…
สร้างสรรตำนาน…
เล่าขานสืบไป…

Comments