Skip to main content

Nimes

 

เดินทางเรื่อยไป…ด้วยใจที่มี…
ยลมองสิ่งที่………อยากเห็นพบพาน

Blog ก่อนๆ ประกอบด้วย โคลง กาพย์ กลอน ไปแล้ว วันนี้ขอสลับบทกวีประกอบ blog ด้วย วิชชุมมาลาฉันท์ 8 บ้าง เพราะชื่อ “ฉันท์” แนวนี้มีความหมายว่า “ระเบียบแห่งสายฟ้า” (คือประกอบด้วยครุล้วน) เพราะเวลาไปเยี่ยมชมโบราณสถานแนวโรมันหรือกรีกโบราณจะทำให้นึกถึงเทพเจ้าโบราณที่มีอำนาจควบคุมสายฟ้าและผู้คนยุคนั้นบูชาสายฟ้า – Blog อันนี้จะเป็นเมือง Nimes ที่มีซากอารยธรรมโบราณ เรื่องราวสถาปณา Roman Empire ขึ้นมาจนเป็นมรดกโลก เมื่อ 2 พันกว่าปีก่อนที่น่าสนใจ…

มองภาพเรื่อยไป…ด้วยใจสำราญ…
ทบทวนตำนาน…..ยิ้มแย้มอิ่มใจ

เริ่มเล่าจากที่พักก่อนว่ามาเที่ยวเมือง Nimes คราวนี้เลือกพักโรงแรม Maison Albar Hotels L’Imperator ที่เป็นโรงแรม 5 ดาวได้รับเลือกให้เป็น Michelin One Key (ระบบ Michelin Keys เป็นการจัดระดับแบบใหม่ มึ 1-3 Keys ซึ่งให้ยากมาก บางโรงแรมแนะนำใน Michelin Guide เฉยๆ แต่ไม่ได้ให้กุญแจ – การที่โรงแรมนี้ได้ 1 กุญแจแปลว่าให้บริการแบบ A very special stay) – โรงแรมนี้พนักงานต้อนรับดีให้นั่งรอที่โซฟาแล้วมาพาไปที่ห้อง ห้องพักสะอาดเรียบร้อยดีมีอะไรๆ ให้ในห้องเยอะ ตามภาพด้านบนและภาพด้านล่างๆ นะคะ

พักผ่อนดีดี………รีวิวกันไป…
หาสิ่งที่ใช่……….ในห้วงเวลา…

โรงแรมนี้เป็นอีกที่หนึ่งที่ประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นข้าวของที่เตรียมมาให้ครบและ facilities ของโรงแรมที่ดี ตามภาพด้านบนด้านล่าง ที่น่าสนใจคือมีลิฟท์โบราณ (ภาพข้างล่างอันถัดไป) ที่ประตูลิฟท์จะไม่เปิดอัตโนมัติ พอเลื่อนมาถึงชั้นที่เรากดจะต้องเปิดประตูเหล็ก 2 ชั้นเอง โดยรอให้ลิฟท์เลื่อนๆ มาให้ตรงชั้นก่อน ประตูก็มีสองฝั่งต้องเอาตะขอเกี่ยวประตูอีก

ซึมซับเรื่องราว….ดาดาวมีค่า…
ภาพงามจับตา…..หาไหนไม่เทียม…

มาเมืองนี้จริงๆ คือกะจะมาดู The Maison Carree of Nimes เพราะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก UNESCO World Heritage เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา (ภาพแรกด้านบนสุด – จะเขียนเล่าเรื่องที่นี่ในอันถัดไป) แต่มาพบภาพประทับใจของสีสันสดใสของตัวเมืองนี้ในมุมอื่นๆ ก่อน โดยเฉพาะตอนเดินออกจากสถานีรถไฟ (ภาพข้างล่าง) แล้วมีเส้นทางสวยงามมากๆ พาเดินเข้าไปในย่านเมืองโบราณดังภาพสีสันสดใสข้างล่างๆ

สีสันสวยงาม………….แวววามใหม่เอี่ยม…
เกินใครเทียบเทียม….ยินดีพบพาน…

ทางน้ำใสแจ๋ว ที่ไหลเป็นระดับชั้นนิดๆ หน่อยๆ ตั้งแต่สถานีรถไฟมาจนถึงเขตเมืองเก่าตามภาพข้างบน และข้างล่างคือสวยมากๆ โดยเฉพาะยามกลางคืน เมืองนี้ทำทางให้คนเดินกว้างใหญ่มากๆ และทำบรรยากาศให้น่าเดิน ถนนสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อยขนาดเป็นฤดูใบไม้ร่วงก็ยังไม่เห็นเศษใบไม้เลยทั้งบนถนนและในน้ำ (เดินผ่านตรงนี้ประมาณ 4 รอบในเวลาต่างๆ กัน บางรอบเห็นเจ้าหน้าที่ช่วยกันเก็บใบไม้อยู่ก็เลยเข้าใจ) เห็นคนท้องถิ่นก็เหมือนพาลูกหลานมาเดินเล่นออกกำลังกายกัน เป็นเมืองโบราณมีมรดกโลกแต่ปรับบรรยากาสผสมความทันสมัยจนดีมากๆ เลย

โดดเด่นจัดแสง……..แต้มแต่งตำนาน…
ให้คนชื่นบาน………..ยามได้ยลมอง…

มาถึงสถานที่หลักในเมืองนีม (Nimes) แคว้นอ็อกซีตานี มรดกโลก The Maison Carree of Nimes อันนี้ ที่ได้มาชมทั้งตอนกลางวันและกลางคืน (บริเวณนี้ตอนกลางคืนส่องไฟสวยมาก ดังภาพข้างบน) ภาพอาจจะดูเหมือนคนไม่เยอะ แต่จริงๆ แล้วไม่น่ากลัว ใกล้ๆ มีร้านอาหารผู้คนเยอะอยู่ ใครได้มาเยี่ยมชมแนะนำให้แวะมาดูสีสันตอนกลางคืนด้วย
ที่นี่ (ออกเสียงว่า แมซงกาเร) ได้มรดกโลกเพราะเป็นวิหารแห่งแรกๆ ของจักรพรรดิ์องค์แรกของอาณาจักรโรมัน – Augustus สร้างตั้งแต่ยุค 1st century ของคริสตกาล (ค.ศ. 1) ได้มรดกโลกเพราะมีสัญลักษณ์การตกแต่งที่แสดงถึงเจตนาถึงการเปลี่ยน Roman Republic ให้เป็น Roman Empire คือมีนัยยะที่รับหลานสองคน Lucius และ Gaius Caesar มาอุปการะเป็นลูกบุญธรรมเพื่อเตรียมสืบทอดอำนาจ มีการสร้างสถานที่ worship ทางศาสนาแบบราชวงศ์ (แต่น่าเสียดายที่พวกเค้าเสียชีวิตปี ค.ศ.2 และ ค.ศ.4 ตามลำดับ) แต่อย่างไรก็ตามอาณาจักรโรมันก็ตั้งได้สำเร็จและได้ขยาย Roman Empire ออกไปจนยิ่งใหญ่ในภูมิภาคยุโรปรวมถึงตอนเหนือของแอฟริกาในช่วงต่อมา

เสริมภาพยามชม……รื่นรมย์ลิ้มลอง…
สิ่งใดหมายปอง……..เลือกไปคว้าเอง…

นอกจากโบราณสถานสวยๆ แล้ว เมืองนี้ยังมีร้านมิชลินระดับหนึ่ง ภาพข้างบนข้างล่างมาจากอาหารบางส่วนในชุดอาหารของร้าน Aux Plaisirs des Halles ที่แนะนำใน Michelin Guide (เป็นร้าน Michelin Plate) และขอปิด Blog ด้วยภาพจุดที่ชอบมากๆ ของเมืองนี้คือบริเวณลานน้ำพุ Fontaine Pradier ที่เห็นวิวของ Amphitheatre of Nîmes แถวนี้คือบรรยากาศดีและสวยมากๆ ตอนกลางคืนแนะนำนะคะ

เรื่องราวชีวิต…………….ตามจิตบรรเลง…
เรียบเรียงบทเพลง……..ตามที่ชอบใจ…

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...