"ท้องฟ้ามันก็เหมือนเดิมน่ะแหล่ะ เห็นฟ้าสวยแบบนี้ มีอะไรพิเศษเหรอ?" ดาวถาม
"รู้ทันอีกแล้ว วันนี้อารมณ์ดีน่ะ ก็เกรดที่ออกคะแนนมันดีมากเลย" วารินตอบ
"ก็เห็นรินเกรดดีทุกทีนี่นา" ดาวแซว
วันเปลี่ยนเวียนวนหมุนมา
ท้องฟ้าที่เคยสวยใส
กลับต้องมืดหม่นลงไป
ดุจดังเช่นไฟชีวิต
"เย้... สอบวันสุดท้ายแล้ว พวกเราไปฉลองกันเถอะ" ดาวชวน
"ไม่ไหวน่ะดาว รินยังไม่ค่อยสบายอยู่เลย... หายใจไม่ค่อยออก เจ็บๆ ปวดๆ เหมือนเคยน่ะ คงไปเที่ยวกับดาวไม่ไหว" วารินตอบ "รินกั๊กไว้รอสอบเสร็จมาตั้งหลายวัน เดี๋ยวเย็นนี้จะลองแวะไปหาหมอสักหน่อย"
"ไม่สบายมีกั๊กไว้รอสอบเสร็จได้ด้วย" ดาวแซวอีกเช่นเคย
---
"ทำไมคุณถึงอาการหนักอย่างนี้" อาจารย์หมอดูฟิลม์เอกซเรย์แล้วส่ายหัว "คืนนี้คุณเข้านอนห้อง ER ไปก่อนเลยนะ ปล่อยให้น้ำท่วมไปตั้งกว่าครึ่งปอดแล้ว คุยหายใจมาได้ยังไงกัน วันนี้เราต้องเจาะเอาน้ำออกให้ก่อนเลย"
- รถเข็นเริ่มเข็นผมไป ร่างกายที่เพิ่งเดินไปเดินมาเมื่อเช้าถูกพันธนาการ ความรู้สึกของผมก็เหมือนกำลังหมดเรี่ยวแรง ผมมองเห็นแสงไฟเพดานของโรงพยาบาลค่อยๆ เลื่อนไปช้าๆ แสดงว่าผมกำลังจะไปที่ไหนซักแห่งสินะ? เสียงอาจารย์หมอยังดังก้องอยู่ในหัวผม "เราพบก้อนเนื้อในปอดของคุณ ยังระบุไม่ได้ว่าเป็นอะไร แต่คงต้องบอกไว้ก่อนว่าไม่เป็นมะเร็งก็วัณโรค จะต้องตัดออกมาตรวจก่อน คุณใจเย็นๆ นะ สมัยนี้เครื่องไม้เครื่องมือดี ไม่ต้องกลัวหรอก"... ไม่ว่าสายตาของอาจารย์หมอจะใจดีแค่ไหน หัวใจของผมก็เย็นเฉียบด้วยความกลัวไปเสียแล้ว -
"รินๆ โชคดีแล้ว หมอบอกว่ารินเป็นแค่วัณโรค ไม่ใช่มะเร็ง รักษาหาย สองปีเอง ไม่ต้องกลัวนะลูก"
- วัณโรคก็โรคติดต่อสิครับคุณแม่... ผมไม่อยากเป็นเลย -
"ดาว... เราป่วยเป็นวัณโรค ไม่ต้องเจอกันบ่อยนะ เรากลัวดาวติด" วารินบอกดาวที่มหาลัยตอนแวะไปดูคะแนนสอบเทอมสุดท้าย
"ไม่เป็นไรหรอก ก็ไหนรินบอกว่าหมอให้กินยาทุกคืน ก็ไม่แพร่เชื้อแล้วไง เราไม่กลัวหรอก" ดาวให้กำลังใจ
- วันนี้แม้ท้องฟ้าจะดูมัวๆ หน่อย แต่ผมก็ยังเห็นมันยังคงสดใส -
= ครึ่งปีผ่านไป =
"แคก แค่ก"...
"คุณแม่ คุณแม่เป็นอะไรครับ ทำไมอาเจียนเป็นเลือด? หายใจเจ็บไหมครับ?... ไปหาหมอกันนะ" วารินกระสับกระส่าย มือเย็นเฉียบ เพราะเขารู้...
- คุณแม่อาการเหมือนผม... ท่านติดผม เพราะแอบมานั่งสมาธิ เฝ้าผมนอนข้างเตียง ทุกคืนทำไมผมจะไม่รู้ -
"คุณแม่คุณป่วยก็เป็นวัณโรค ไม่ต้องห่วงหรอก ทานยาอีกสองปีก็หาย... คงต้องให้ยาแรงหน่อยเผื่อเชื้อตัวนี้มันดื้อยา"
"ผมรู้ว่าอาการมันหาย แต่กว่าจะเลิกหายใจแล้วเจ็บ แล้วทรมาน มันต้องทนตั้งเกือบครึ่งปีนะครับคุณหมอ ไม่มียาอะไรบรรเทาได้แล้วเหรอ?"...
อาจารย์หมอยิ้มให้แล้วส่ายหน้า "ขอโทษด้วยนะ"...
- ถ้าผมเลือกได้ ผมขอเป็นมะเร็งให้เรื่องมันจบตั้งแต่ตอนแรกจะดีกว่า วันนี้ท้องฟ้าเป็นสีแดงผ่านม่านน้ำตาของผม -
= สามเดือนผ่านไป (ประเทศไทยปี 97) =
"ฮัลโหล คุณแม่ครับตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?" วารินโทรมาจากการไปทำงานต่างประเทศหลายเดือน
"สบายดีแล้วจะไม่เจ็บไม่ทรมาน... อืมแต่... ริน รินใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ ฟัง ตอนนี้บริษัทคุณพ่อปิดแล้วน่ะลูกเศรษฐกิจเมืองไทยไม่ค่อยดี" คุณแม่พูดแล้วหยุดไปแค่นั้น..."รายละเอียดเดี๋ยวแม่เล่าให้ฟังตอนลูกกลับมาเมืองไทย"
---
"บ้านไม่ใช่ของเราแล้วนะลูก... เงินที่เอาไปลงดาวน์เครื่องจักรจากเยอรมันถูกยึดไป เราไม่มีเงินซื้อต่อ ถ้าเราอยากได้บ้านคืน คงต้องผ่อนธนาคารออกมา"
"ปีนี้ผมทำงาน/ฝึกงานที่อเมริกาเก็บเงินมาได้แล้ว 2 แสน กับเงินเดือนอีกสองหมื่นกว่าๆ ผมยกให้หมดเลยพอไหมครับ?" วารินถามอย่างซื่อๆ
"แล้วพ่อจะใช้ให้นะลูก... เงินนี้คงพอผ่อนเป็นค่าดอกเบี้ยไปได้"
- สมองผม อื้อ อึง... ไม่ต้องคืนผมหรอกครับพ่อ ทำไม ทำไมความสามารถผมถึงหาเงินทองมาให้ที่บ้านได้น้อยนัก ถ้าผมไม่ป่วย ถ้าผมมีความสามารถมากพอที่จะเลือกทำงานหรือทำอะไรๆ ได้มากกว่านี้ ทุกอย่างมันคงจะดีขึ้น ทำไมท้องฟ้าวันนี้ไม่มีดาวเลย -
= สามเดือนผ่านไป =
"รินๆ ดาวได้ทุนไปเรียนอเมริกา" ดาวบอก
"ดีใจด้วยนะ รินยังรอผลทุนอยู่เลย"
"ดาวว่า รินไม่ค่อยจริงจังเรื่องหาทุนนะ รินอยากเรียนจริงๆ หรือเปล่า เราไม่เข้าใจรินจะอยากเรียนไปทำไมถ้าไม่ได้คิดจะเป็นอาจารย์"
"รินก็ไม่รู้เหมือนกัน รินอยากเรียน อยากทำให้ชีวิตตอนนี้มันดีขึ้น ดาวเห็นว่ารินอยากเรียนไปตามกระแสเหมือนเพื่อนๆ เหรอ?" รินถาม... "ดาวจะไปเรียนที่ไหนล่ะ เดี๋ยวรินตั้งใจสมัครแล้วตามไปดีไหม? รินว่าถ้ารินพยายาม รินก็ทำได้นะ"
"เออ... ดาวว่าเราไปกันคนละที่ดีกว่านะ เดี๋ยวก็ติดกันเป็นตังเมหรอก เรียนด้วยกันมาตั้งสี่ปี แถมทำงานก็เจอกันบ่อยๆ เป็นปีแล้ว ดาวว่าพวกเราต่างคนต่างออกไปมองหาประสบการณ์ชีวิต แล้วเอามาแชร์กันดีกว่านะ" ดาวแนะนำ
"ดาวว่างั้นเหรอ... ก็ดีนะ รินก็ว่าดี"
- สำหรับผมท้องฟ้าที่มีดาว แม้ริบหรี่เพียงใดก็ยังดูสวยอยู่เสมอ -
= ครึ่งปีผ่านไป =
"ริน ดาวได้ยูแล้ว นี่ไง" ดาวบอก
"ดีๆ ยูที่ดาวเคยบอกว่าอยากไปด้วย รินจำได้... ตอนนี้รินก็ได้ทุนแล้วนะ เดี๋ยวรินสมัครตามดาวไปเรียนเทอมหน้าแล้วกันนะ"
"เออ... เออ... อย่าเลยริน พวกเราต่างคนต่างเรียนดีกว่า"
"พูดแบบนี้อีกแล้ว ทำไมเหรอดาว? เราไปที่เดียวกัน แต่ต่างคนก็ต่างเรียนรู้ชิวิตก็ได้เหมือนกันนี่" วารินสงสัย
"ดาวว่า เราต่างคนต่างไปหาประสบการณ์ตัวเองกันก่อนจะดีกว่า บางทีรินกับดาวอาจมีเส้นทางเดินของชีวิตไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็มันก็จะพากลับมาพบกันได้อีกนะ"
"อืม... ก็จริง" วารินรับคำอย่าง งง งง
= ครึ่งปีผ่านไป =
"ดาวๆ รินหายป่วยแล้ว ไม่ต้องทานยาอีก ต่อไปจะไปเจอได้บ่อยๆ ขึ้นละนะ ไปกินข้าวกันเถอะดาว"
----
"ขอโทษนะผมไม่ได้คุยมานาน วันนี้เครียดเลยมัวแต่มาบ่นปัญหาเรื่องหนี้สินที่บ้านให้ดาวฟัง แย่จัง เดี๋ยวคราวหน้ารินจะมาเล่าเรื่องสนุกๆ ให้นะ"
"ไม่เป็นไรหรอก เออ... ดาวว่าพวกเราคบกันแบบเดิมก็ดีแล้วนะ จริงๆ หลังๆนี้ พวกเราคบกันเหมือนเพื่อนเลยนะ เจอกันจริงๆ เดือนละครั้งรินก็โอเคนี่นา อีกไม่กี่เดือนดาวก็ไปเรียนต่อแล้ว ดาวว่าพวกเราคบกันเป็นเพื่อนเฉยๆ กันดีกว่านะ ต่อไปดาวไม่อยู่ ถ้ารินเจอใครดีๆ รินคบได้เลยนะ ดาวว่าจริงๆ รินก็ไม่ได้รักดาวใช่ไหม?"
"..." วารินอึ้งไป
- ถ้าผมเลือกได้... ผมอยากป่วยเป็นมะเร็งตั้งแต่สองปีก่อน ท้องฟ้าวันนี้... ไม่มี ดาว -
= ครึ่งปีผ่านไป =
"รินเป็นไงบ้าง? ได้ยูอะไร" ดาวโทรมาถามจากอเมริกา
"รินจะไปอังกฤษนะ ยูอันดับหนึ่งเลย ดาวว่าไง? หรือดาวอยากให้รินไปอเมริกา เดี๋ยวรินจะสละสิทธ์ตามไปเลย" วารินส่งเสียงไปตามสาย
"ไปอังกฤษเหอะ ยูดีขนาดนั้นไม่เอาก็บ้าแล้ว รินไม่ต้องมาคอยตามดาวสิ ดาวอยากเห็นรินมีเส้นทางชีวิตของตัวเองบ้าง"
"อื้อ พูดเล่น รินไปอังกฤษก็ได้แหล่ะ" วารินพูดทีเล่นทีจริง
"ไม่ต้องรักษาสัญญาด้วยนะ" ดาวย้ำ
"สัญญาอะไร?" วารินแกล้งทำลืม
"สัญญาที่ดาวเคยขอ ว่าให้รอดาว จนดาวเรียนจบเอกไง ดาวขอคืน ลืมไปซะนะ ดาวอยากให้รินใช้ชีวิตออกจากกรอบสัญญาที่ล้อมรินเอาไว้"
"..."
= หนึ่งปีผ่านไป =
"ดาวเป็นไงบ้าง? รินจบโทคะแนนดีเลยได้ทุนต่อเอกฟรี เนี่ยเรียนสามปีเองรินก็จะกลับไปช่วยทางบ้านได้แล้ว" รินโทรไปหาดาวจากอังกฤษด้วยความดีใจ
"เหรอ.. ดาวดีใจกับรินด้วยนะ... อืมริน... รินไม่ต้องโทรมาหรอกนะ พวกเราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ เถอะนะ"
"รินดีใจเลยโทรมา... ดาวมีใครแล้วเหรอ?"
"..." ดาวเงียบไป
---
email message: "I have someone in my mind".
- ท้องฟ้าที่อังกฤษปกติจะคล้ายๆ กับเมืองไทย มีสดใส มีมืดมัว แต่วันนี้ท้องฟ้าที่เห็นเป็นสีแดงผ่านม่านน้ำตาเหมือนวันที่ผมรู้ว่าคุณแม่ผมป่วยด้วยโรคร้ายเพราะผม ไม่มีผิด -
ท้องฟ้าสีแดงแรงจ้า
กรีดกล้าหยุดจิตปลิดฝัน
ใจตายกายคงลงมั่น
กัดฟันก้าวเดินต่อไป
"ริน แม่มีข่าวดีจะบอก ตอนนี้แม่หายแล้ว คุณพ่อได้งานทำ บ้านผ่อนได้แล้ว น้องยอมเข้ามหาลัยเรียน ทุกอย่างราบรื่นแล้วไม่ต้องห่วงทางบ้านนะ" คุณแม่เดินทางมาบอกถึงอังกฤษหลังจากครึ่งปีผ่านไป
ฟ้ามืดพลันเปิดอีกครา
น้ำตาล่วงหายไปไหน
ก็คงต้องปล่อยมันไป
คงไว้เป็นฝันวันวาน
= หนึ่งปีผ่านไป =
"เฮ้ย! รินไปเที่ยวกันเถอะ" กลุ่มเพื่อนซี้ที่มหาลัยใหม่ ชวนกันไปเที่ยว
"เมืองนี้มันไม่สวยเลย อุตส่าห์ขับรถมา" เพื่อนๆ บ่น
"เอาน่า... มันก็มีบางมุมที่สวยของมัน" วารินแก้ต่างให้กับเมือง
"เอาอีกละ ไอ้รินนี่ พูดอะไรก็ต้องมีข้อดีอยู่เรื่อยเลยนะ นิสัยนายสองอย่างที่แก้ไม่หายคือ ชอบยอมรับผิดเข้าตัวเองกับมองอะไรแง่ดีเกินจริง เช่นบอกว่าสาวๆ คนนั้นคนนี้สวย ไม่เห็นน่าเชื่อซักกะคน" เพื่อนบ่นอีก
"เออน่า มองอะไรๆ ในแง่ดีมันบ้าง จะผิดตรงไหนล่ะ?" วารินอธิบายเบื่อๆ เพราะขี้เกียจชวนเพื่อนทะเลาะ
- ก็ชีวิตผม มันผ่านอะไรร้ายๆ มามากพอแล้วนี่ อยากขอเห็นอะไรดีๆ บ้างจะได้ไหม? -
ท้องฟ้าก็คงเป็นท้องฟ้า
หลบหน้าเมฆหม่นไม่สดใส
หรือสว่างแสงสดสวยบาดใจ
จริงแล้วไซร้ขึ้นอยู่กับใจคน
Comments