Skip to main content

Monaco

00

เมื่อกำหนดรู้จุดหมายก็เดินทาง
แม้ไกลห่างก็อย่าอ้างวางกรอบกั้น
การก้าวข้ามเพื่อไปถึงซึ่งฝั่งฝัน
เป็นสีสันที่ต้องวาดแต่งแต้มเอง


01

ปีที่แล้วอยากไป Monaco เลยบอกเพื่อนๆ ที่นัดกันที่สวิสว่าจะหาเวลาไป Monaco ด้วย แต่วางแผนจัดตารางกับเพื่อนๆ แล้วตอนแรกไม่ตรงกัน ก็เลยตัดสินใจจองตั๋วบินจากสวิสบินไปฝรั่งเศสเพื่อไป Monaco ต่อ แบบไปคนเดียวซะเลย (คืออารมณ์ไปเที่ยวคนเดียวได้ไม่รอเพื่อน 555) แต่สุดท้ายปรากฏว่าเพื่อนใจดี สามารถปรับตาราง จนได้บินไป France และก็ได้เดินทางต่อไปยัง Monaco ด้วยกัน งานนี้ประทับใจเพื่อนมากๆ และได้ประสบการณ์ที่ดีมากทีเดียว

02

เพราะอยากเปิดโลกกว้างทางความคิด
เพราะอยากเห็นชีวิตในมุมใหม่
จึงเดินทางข้ามฟ้าสู่แดนไกล
เพื่อเติมใส่ความฝันของวันวาน


03

สองภาพบนสุดที่เปิด Blog คือภาพรถหรูๆ ที่จอดบริเวณหน้า Monte Carlo Casino ภาพถัดมาคือภาพตอนเดินขึ้นเขาไปดูพระราชวังและดูการเปลี่ยนทหารยาม ส่วนภาพข้างล่างคือภาพร้านอาหารมิชลินไกด์ Café de Paris ร้านหรูหน้า Monte Carlo Casino ตอนเดินเข้าไปทานโดนค้นตัวเล็กน้อยแต่บริกรบริการดี และอาหารก็ไม่แพง(เท่าที่คิด) ด้วยความที่พูดภาษาฝรั่งเศสไม่ค่อยได้เลยสั่งอาหารชุดแนะนำที่เสริฟมาทีละจาน ซึ่งอร่อยดีทีเดียว

04

อยากจะทำอะไรอย่างเสรี
ก็อย่ามีกรอบกั้นกล้าฝันหวาน
ลองกางปีกบินไปเขียนตำนาน
ให้จรดจารในจิตใจของตนเอง


05

ตอนแรกเพื่อนชวนว่าอยากลองขึ้น Helicopter บินจาก Nice ไป Monaco ไหม (ซึ่งข้าพเจ้าสนใจ) แต่เพื่อนบอกว่ามันแพงเลยเห็นใจเงินเดือนคนที่ทำงานเมืองไทยอย่างข้าพเจ้าเลยเรียก Taxi (Benz) ให้ขับข้ามประเทศไป Monaco แทนกัน (ประหยัดเวลาเดินทาง สะดวกสบาย และถูกกว่าการเช่าฮอ) ตอนเดินทางไปถึงต้องลอดอุโมงค์เข้าประเทศไป Monaco เป็นเมืองที่เหมือนโดนล้อมด้วยเขาสูง สลับซับซ้อน และเป็นแนวยาวติดทะเลดังภาพ

06

พอเหน็ดเหนื่อยก็หาจุดนั่งหยุดพัก
เพื่อตั้งหลักเติมพลังแล้วเริ่มใหม่
ทุกการเส้นทางที่ดูเหมือนจะยาวไกล
ก็เหมือนใกล้ถ้ารู้จักหยุดพักเป็น


07

ภาพข้างบนและข้างล่างเป็นภาพโบสถ์เล็กๆ ที่เจอระหว่างทาง ทริปคราวนี้ข้าพเจ้าตัดสินใจด้วยความบ้าบิ่นคืออยากลอง "เดิน" รอบๆ ประเทศ Monaco ดู (เพราะประเทศนี้เล็กมากเหมือนเมืองหนึ่งเมือง) ปรากฏว่าเหนื่อยมากๆ 555 เพราะเป็นภูเขาขึ้นๆ ลงๆ เลยต้องหาสถานที่หยุดพักเป็นระยะๆ เช่นพอเจอโบสถ์ก็เข้าไปเยี่ยมชมและถือโอกาสนั่งพักนิดนึง ทำให้ได้ชาร์ตพลังงานเพื่อเดินทางต่อเหมือนกำลังเริ่มเดินใหม่ ซึ่งดีกว่าเที่ยวแบบเดินไปเรื่อยๆ

08

ในเมืองเก่าเคล้าผสมปนความใหม่
ศิวิลัยเกินจิตจินต์จะคิดฝัน
สมเป็นเมืองที่ร่ำรวยจนโจษจัน
เพราะหลอมกลืนสิ่งต่างกันจนลงตัว


09

Monaco เป็นเมืองที่น่าสนใจ เดินๆ ไปก็เจอตึกเก่าแก่ แล้วเดินๆ ไปอีกนิดก็เจอตึกทันสมัย แล้วก็เก่าแก่สลับๆ กันไป ในย่านกำแพงโบราณมีลิฟท์ซ่อนอยู่ให้ขึ้นเขา ถนนเล็กๆ ดูโบราณ ก็มีรถ Supercar หรูๆ วิ่งผ่านเป็นระยะๆ รถ Benz, BMW กลายเป็นรถ Taxi ธรรมดา เรือ Ferry, Speed boat จอดชาร์ตไฟฟ้ากันเต็มท่าที่ล้อมด้วยตึกเก่าแก่ เหมือนคนร่ำรวยที่ชอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยจะอนุรักษ์นิยมไปด้วยดูลงตัวอย่างน่าสนใจ

10

ริมขอบฟ้ากระหึ่มมาด้วยใบพัด
เรียงรายจัดหลายระรอกมาเป็นสาย
เป็นเมืองที่บินมาลงได้ง่ายดาย
สำหรับคนที่กล้าจ่ายมีรับรอง


11

Monaco เป็นประเทศที่ไม่มีสนามบิน สนามบินที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่เมือง Nice ประเทศฝรั่งเศส แต่มีลานจอด Helicopers หลายลานริมทะเล ตอนข้าพเจ้าเดินไปดู (เพราะตอนแรกเพื่อนชวนให้นั่งมาเลยสนใจ) ก็ตระการตาเพราะเห็นขึ้นลงบินเข้า-บินออก เป็นระยะๆ ลานจอดฮอก็ดูเหมือนสร้างขึ้นมาพิเศษยื่นออกไปในทะเล หลายอันเรียงรายกัน (แต่ถ้าจะถ่ายภาพให้สวยคงต้องออกไปถ่ายจากมุมทะเล หรือนั่งฮอมาลงแล้วถ่ายรูป 555)

12

กว่าจะมาเป็นเมืองก็ถูกสร้าง
มีแบบแปลนแผนร่างอย่างเหมาะสม
ประวัติศาสตร์เก่าก่อนช่างรื่นรมย์
จารึกไว้ให้ได้ชมตามรายทาง


13

ภาพบนก่อนบทกวีเป็นกุหลาบในสวนกุหลาบของเจ้าหญิงเกรซที่เปิดให้เข้าชมฟรี ภาพด้านบนเป็นภาพแปลนเมือง ส่วนภาพด้านล่างเป็นภาพตอนข้าพเจ้าไปเดินเล่นแถวท่าเรือเจอเรือเขียนคำว่า "Day Off Monaco" แล้วรู้สึกว่าใช่เลย (คือตรงกันข้าพเจ้าที่ขอลาพักร้อนมา Monaco จริงๆ) และภาพล่างสุดคือภาพทางวิ่งนิ่มๆ (สีแดง) เป็นแนวยาวทอดลงไปในทะเลเลยลองมาเดินให้สุดทางดู เดินตามทางนี้ลมพัดเย็นสบายดีจริงๆ

14

ปลดปล่อยเรื่องราวคราวพักผ่อน
จรดจารผ่านบทกลอนคราวคิดถึง
ความทรงจำของวันเก่าที่ตราตรึง
เก็บเรื่องราวคราวคะนึงซึ่งอิ่มใจ


15



Create Date : 24 มีนาคม 2562

Comments

Popular posts from this blog

Saraburi

อุ่นไอแดดแผดริ้วไล้ผิวโลก ลบทุกข์โศกวาดสิ่งใหม่ใส่เติมฝัน เปิดท้องฟ้าจากมืดมิดพลิกงามพลัน สมเฉกชั้นธรรมชาติวาดระบาย เมื่อเดือนก่อนได้มีโอกาสไปทำบุญที่สระบุรีและแวะเที่ยวฟาร์มโชคชัยกับทาง Software Park และ สวทช. ตอนทำบุญก็ทำบุญเพลินไปเล็กน้อยเลยไม่ได้ถ่ายภาพมา เพิ่งรู้ตัวว่าควรถ่ายรูปบ้างก็ตอนเที่ยวฟาร์มโชคชัยดังนั้น Blog คราวนี้เลยมีแต่ภาพฟาร์มโชคชัยเป็นหลักนะคะ หมู่ปักษาโบยบินบนห้วงฟ้า ยึดนภาดั่งเช่นเป็นจุดหมาย สร้างเสรีเป็นของตนจนปล่อยคลาย ไม่เสียดายพื้นดินบินขึ้นไป ฟาร์มโชคชัยจัดไว้ดีพอสมควรคือแบ่งทัวร์เป็นกลุ่มๆ แล้วนั่งรถไปชมจุดการแสดงประกอบการบรรยายเป็นจุดๆ และให้เวลาเดินในแต่ละจุดพอสมควร ทำให้ได้สัมผัสชีวิตการทำฟาร์มโคนมแบบมีกลิ่นอาย Cowboys เล็กๆ เพราะมีการแสดงการดูแลฝูงวัวและอื่นๆ ให้ได้ชม ธรรมชาติวาดไว้ใส่ชีวิต ขีดลิขิตความงามตั้งแต่ไหน เพียงปลดปล่อยสายตาทอดออกไป อยู่ใกล้ๆ ไม่ไกล... ความงดงาม ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในการเที่ยวฟาร์มคือการไปดูสวนสัตว์(เด็กๆ) และได้ให้อาหารสัตว์ เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ลองป้อนนมน้องวัวที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน คนคิดทำฟาร์มฉลาดทีเดียวที่ทำให้น้องวัวม...

Derwent Valley Mills

หุบเขา อุตสาหกรรม อันตระการ หนึ่งในทริปนี้ที่ทำให้ตัดสินใจซื้อ BritRail คืออยากทดลองนั่งรถไฟตามเส้นทางมรดกโลก UNESCO World Heritage: Derwent Valley Mills ที่มีหลายจุดตามแนวรถไฟในแผนที่ด้านบน แต่ด้วยเวลาจำกัดทริปนี้หลักๆ เลยแวะแค่สองเมืองคือ Derby และ Belper (ที่เหลือคือชมวิวตามแนวทางรถไฟดังรูปภาพบนสุด และ ล่างๆ) ที่ Derwent Valley Mills ได้มรดกโลก เพราะเคยเป็นย่านอุตสาหกรรมที่ทันสมัยตามแนวแม่น้ำ Derwent อย่างเป็นระบบในยุคก่อน มีตำนาน เล่าขาน จรดจารได้ ด้วยความที่ผ่านนี้เป็นเมืองอุตสาหกรรม ตามรายทางจะเห็นวิธีการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินของยุคก่อน จนถึงวิธีการผลิตไฟฟ้าแบบสะอาดของยุคใหม่ เช่นกังหันลม (ตามภาพข้างบน) และ Solar Cells (ซึ่งถ่ายภาพไม่ทัน) / ส่วนภาพข้างล่างคือภาพสถานีรถไฟ Belper ซึ่งเหมือนอยู่ในร่องหุบเขา ด้านบนๆ จะเป็นระดับถนนและแนวบ้านจะเข้าเมืองต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นเนินเขาไปที่ระดับถนน เวลารถไฟมาในบริเวณนี้คือจะมีถนนตัดทางรถไฟอยู่ด้านบนเป็นระยะๆ ตามแบบในภาพ ให้ผู้คน รุ่นหลัง เรียนรู้ไว้ เมือง Belper เห็นในแผนที่ (ข้างบน) จะไม่รู้ว่าเป็นต่างระดับ แต่พอเดินก็พบว่าเป็นหุบเขาขึ้น...

Cambridge 2024 - Town

คิดถึง เคมบริดจ์ ...จึงกลับมา... กลับมาอังกฤษรอบนี้เป็นเพราะคิดถึงเมืองเคมบริดจ์ พอคอลเลจมีจดหมายเชิญให้คน Matriculation ปี 1999 กลับมา Reunion เพราะครบรอบ 25 ปีที่ลงทะเบียนเรียนที่เคมบริดจ์ และด้วยเหตุนี้ ทริปอังกฤษคราวนี้เลยตัดสินใจมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ถึง 4 วัน เพราะมีทั้งกิจกรรม Reunion ศิษย์เก่า ทั้งนัดพบปะเพื่อนฝูง-ครูบาอาจารย์ และ มีที่ๆ อยากจะดูนั่นดูนี่ของเมืองเคมบริดจ์ให้สมกะความผูกพัน (เพราะเคยอยู่ที่นี่ถึง 5 ปี) แล้วพอจัดทำภาพก็พบว่าทำเคมบริดจ์ blog เดียวนั้นไม่พอ เลยจะทำ blog ให้เมืองเคมบริดจ์ 2 อันนะคะ แบ่งเป็น Town & Gown (ส่วนที่เกี่ยวกับตัวเมือง และ ส่วนที่เกี่ยวกับตัวมหาลัย) เพราะเคมบริดจ์เป็นเมืองมหาวิทยาลัย คือทั้งเมืองเป็นมหาวิทยาลัย Town & Gown จะอยู่ผสมๆ กัน เป็นมหาลัยขนาดใหญ่และอบอุ่น ตามหา เรื่องราว ที่เคยฝัน บรรยายภาพก่อนนะคะ ภาพบนสุดเป็น Great St. Mary's Church โบสถ์หลักกลาง City Center ของ Cambridge จะอยู่ตรงใกล้ๆ Market Square วิวบริเวณนี้จะสวยมากๆ ใครมาเที่ยวเมืองเคมบริดจ์แนะนำนะคะ แถวนี้เดินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองเคมบริดจ์เป...